แม้ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะยืนยันว่า เคสพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย โดยเป็นครอบครัวเดียวกัน มี 2 รายเป็นสามีภรรยาติดเชื้อจากการไปญี่ปุ่น และกลับมาไทยไม่ได้แจ้งให้ทางรพ.รับตัวทันทีว่ามีประวัติเดินทาง ส่วนอีกรายเป็นหลาน 8 ขวบติดเชื้อจากปู่ย่า โดย สธ.ยืนยันว่าไม่ใช่เคสที่เรียกว่า Super spreader จนคนสงสัยว่าแล้วแบบไหนถึงเรียกว่า Super spreader
ด่วน! ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย ยันไม่ใช่ “super spreader”
“อนุทิน” ขู่ใช้กม.โรคติดต่ออันตราย หากเจอเคสเสี่ยงติดไวรัสโควิด-19 แต่ไม่ให้ความร่วมมือ
เรื่องนี้ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) อธิบายคำว่า “Super spreader” ว่า หมายถึงคนที่มีความสามารถในการแพร่โรคไปยังบุคคลอื่นๆจำนวนมาก โดยเฉลี่ยคนหนึ่งคน จะแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ ได้อีก 2 คน ซึ่งหากกรณีไม่สามารถควบคุมโรคได้ จะทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดย Super spreader จะพบว่า คนหนึ่งคนจะแพร่เชื้อมากกว่าค่าเฉลี่ยหลายๆเท่า หรือประมาณแพร่เชื้อได้ถึง 20 คน แต่จนถึงวันนี้ จากการสอบสวนโรคของเรา ผู้ป่วยรายแรกที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น จนถึงวันนี้ทำให้คนอื่นติดเชื้อ 1 คนคือหลาน เพราะภรรยาติดจากญี่ปุ่นด้วยกัน ดังนั้น ฯ ตอนนี้เราเพิ่งรู้ว่ามีผู้สัมผัสติดเชื้อจากเขาเพียง 1 คน ยังไม่พบถึงเป็น 10 คน อย่างไรก็ตาม เคสนี้มีความยากลำบากว่า มีผู้สัมผัสใกล้ชิดจำนวนมาก แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนสัมผัสมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราก็ต้องจัดการผู้สัมผัสทั้งหมด 14 วัน ว่าต้องติดเชื้อหรือไม่
“ เราเคยย้ำหลายครั้งแล้วว่า การเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังพื้นที่เสี่ยง เลื่อนได้เลื่อนเลย ซึ่งวงราชการ อย่างกระทรวงสาธารณสุขขอให้อย่าเดินทาง และหากกลับมาในช่วง 14 วันมีอาการต้องรีบแจ้งประวัติแต่แรก อย่าปกปิด ไม่มีประโยชน์ จะทำให้คนเดือดร้อนจำนวนมาก และช่วงที่เราเฝ้าดูอาการเราเอง เราต้องจำกัดระยะการใกล้ชิดด้วย อย่างกรณีศึกษาเคสนี้คุณปู่ที่ไปฮอกไกโด ทำให้หลานป่วย ดังนั้น หากไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้คนอื่นป่วย ก็ต้องอย่าสัมผัสใกล้ชิด เรื่องนี้ สธ.พูดย้ำมานาน พูดหลายครั้ง แต่พูดขนาดนั้นก็ยังต้องเจอเคสลักษณะนี้ ดังนั้น ความร่วมมือของทุกคนจะบอกได้ว่า เราจะรอดจากการระบาดได้หรือไม่” นพ.ธนรักษ์ กล่าว