เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 มี.ค.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือดควิด -19 ว่า ในวันนี้ มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นหญิงไทย 22 ปี ทำงานร่วมกับ ชายไทยรายที่ 37 ที่ทำงานร่วมกันเป็นชายอายุ 25 ปี ขับรถดูแลแขกต่างชาติ มีไข้ ไอ โดยปัจจุบันยังมีผู้ป่วยรักษาตัวใน รพ. 11 คน โดยมีหญิงไทยติดเชื้อจากญี่ปุ่นหายกลับบ้านอีก 1 ราย สรุปคือ ปัจจุบันไทยมียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 43 ราย เสียชีวิต 1 รายขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ระยะ 2 แต่เพื่อเตรียมการจึงได้มีการวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์ในการเตรียมเครื่องมือทางการแพทย์ บุคลากรไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากรพ.อื่นๆ ทั้งรัฐหรือเอกชน หากขาดเครื่องมือให้ติดต่อศูนย์ปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุข
สธ.ยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตรายแรกของไทย เผยมีไข้เลือดออกร่วม
นายกฯ เสียใจชายไทยเสียชีวิตหลังติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ เพื่อให้การเฝ้าระวังคัดกรองการติดเชื้อในชุมชน มีความครอบคลุมมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับนิยามผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค โดย ขยายเกณฑ์การเฝ้าระวังในการป่วยเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ของผู้มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจจำนวน 5 คนขึ้นไป โดยพบผู้ป่วยในสถานที่แห่งเดียวกัน ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน เป็นการยกระดับความไวในการตรวจจับการติดเชื้อในชุมชน ในส่วนการเฝ้าระวังในสถานพยาบาล หากพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น, หาสาเหตุไม่ได้, มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตโดยหาสาเหตุไม่ได้ จะทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 จำนวน 8 ท่าน เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 โดยมีหน้าที่และอำนาจให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในการประกาศพื้นที่เขตติดโรค และให้คำแนะนำแก่อธิบดีกรมควบคุมโรค ในการประกาศโรคระบาด ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรืออธิบดีกรมควบคุมโรค ในการประกาศยกเลิก เมื่อสภาวการณ์ของโรคสงบลงหรือมีเหตุอันควร และปฏิบัติการอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมทางไกลกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซักซ้อมแผนรองรับ สถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 เตรียมความพร้อม ทำความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานระดับพื้นที่ ให้ทุกจังหวัดปรับใช้ขั้นตอนการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม เพิ่มทักษะบุคลากรในระบบบัญชาการเหตุการณ์และบุคลากรผู้ปฏิบัติการ โดยมีแนวทาง ดังนี้1.ดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ ทั้งในและช่องทางเข้าออก ระหว่างประเทศตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 อย่างเคร่งครัด 2.ปฏิบัติตามแนวทางการวินิจฉัย การดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่กรมการแพทย์และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญกำหนดอย่างเคร่งครัดรวมทั้งประสานการปฏิบัติหน่วยบริการสาธารณสุทุกหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เกิดการบูรณาการด้านการรักษา เพื่อประสิทธิภาพการรักษาสูงสุด