หลังสงครามโลกครั้งที่สองและในยุคสงครามเย็น ไทยกับสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นด้านความมั่นคง เหตุผลสำคัญ คือ ภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ไทยกับสหรัฐอเมริกาจึง เริ่มฝึกทางทหารร่วมกันในปี พ.ศ. 2499 เป็นการฝึกผสมยกพลขึ้นบกระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือและหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินสหรัฐฯ ก่อนจะพัฒนาฝึกแบบบูรณาการมากขึ้น ภายใต้รหัส "คอบร้าโกลด์" ในปี พ.ศ. 2525 ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นแบบพหุภาคีโดยมีประเทศอื่นๆ เข้าร่วม
Heavy Year สหรัฐฯ ส่ง “F35 B -ทหาร 5,500 นาย”ร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ 2020
แสนยานุภาพ สหรัฐฯนำกองกำลังนานาชาติ ร่วมฝึกคอบร้าโกลด์
การฝึก คอบร้าโกลด์ นับว่าเป็นการฝึกร่วมผสมใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 39 แล้ว วัตถุประสงค์ของการฝึกคอบร้าโกลด์ คือ ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในการฝึก
จากประวัติความเป็นมาของการฝึก คอบร้าโกลด์ จะเห็นว่า ไทยกับสหรัฐฯ มีสัมพันธ์ทางการทหารมายาวนานกว่า 64 ปี โดยสหรัฐถือเป็นชาติที่เป็นแกนหลักในการฝึกนี้ โดยสหรัฐฯให้ความสำคัญกับการฝึกคอบร้าโกลด์เป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากการนำเครื่องบินรบที่ทันสมัยที่สุด อย่างเครื่องบินขับไล่ F-35 B ซึ่งเป็นเครื่องบินขึ้นลงในแนวดิ่ง มาร่วมฝึก และการแสดงยุทธวิธีการสับเปลี่ยนกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากมาในโซนอินโดแปซิฟิก แน่นอนว่า การฝึกร่วมทางการทหารเป็นการฝึกที่นานาประเทศอยากเข้าร่วม เพราะนอกจากจะเชื่อมสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนยุทธวิธี ยังเป็นการโชว์ยุทโธปกรณ์และนำไปสู่การซื้อขายอาวุธในอนาคต ซึ่งปีนี้มีทหารจากชาติต่างๆเข้าร่วมถึง29 ประเทศ
และหนึ่งในนั้นคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ จีน ได้เข้าร่วมการฝึก หลังสังเกตการณ์มาหลายปี แต่การร่วมฝึกของจีนครั้งนี้ สหรัฐฯก็แทบไม่เปิดโอกาสให้ฝึกซ้อมรบด้วย โดยจีนถูกวางบทบาทในส่วนของการฝึกเพิ่มเติมช่วยเหลือประชาชน ด้านบรรเทาสาธารณภัยเท่านั้น
“จีนเข้าร่วมในการฝึกแบบมีบทบาทจำกัด ซึ่งเรามีความยินดีที่เราได้ทำงานร่วมกัน แต่ในบริบทการฝึกเราได้มุ่งเน้นไปยังประเทศที่ร่วมฝึกเต็มรูปแบบ ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานร่วมกันในวันนี้” นายไมเคิล จี. ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พูดถึงจีนในวันพิธีปิดการฝึก คอบร้าโกลด์ 2020 ในฐานะ “คนกลาง” ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่ดีกับสหรัฐฯ และความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประเทศจีนเช่นกัน เห็นได้จากการที่กองทัพจีนให้ทุนกับกองทัพเรือไทยไปศึกษาด้านการทหารในจีน นี่ถือว่าเป็นการซื้อใจ และในช่วงที่ผ่านมาไทยเองก็มีการซื้อยุทโธปกรณ์จากจีนเป็นจำนวนมาก
รศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่่นคงและนานาชาติ ให้ความเห็นว่า “บทบาทของประเทศไทยในส่วนที่อยู่ตรงกลาง ไทยเองก็ต้องพยายามสร้างความสมดุลภาพระหว่างสหรัฐกับจีน การเดินหน้าของไทยทางยุทธศาสตร์จำเป็นต้องเหยียบเรือหลายแคมเท่าที่สถานการณ์มันอำนวยและบังคับ จีนเป็นหนึ่งแคมใหญ่ แต่สหรัฐก็เป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้”
การเข้าร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ 2020 ของจีน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสัมพันธ์ทางการทหารในภูมิภาคแปซิฟิกซึ่งถือเป็นพื้นที่ ที่สหรัฐฯเข้ามาสร้างสัมพันธ์ก่อนมาอย่างยาวนาน น่าจับตามองว่า หลังจากนี้ สหรัฐฯ จะแสดงท่าทีอย่างไรกับจีนและไทย และกองทัพไทยจะวางตัวอย่างไรในฐานะคนกลาง
ติดตามการ ฝึกคอบร้าโกลด์ 2020 ในรายการสารคดีข่าว สารตั้งต้น ตอน “Cobra Gold 2020” วันศุกร์ ที่ 13 มีนาคมนี้ เวลา 23.00น. ทาง PPTV HD ช่อง 36
ขอบคุณภาพจาก พ.จ.ต.พีระภัทร ชารีอัน