หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเตรียมยกระดับสถานการณ์ฉุกเฉิน “เคอร์ฟิว” ทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม – ตี 4 เริ่มวันที่ 3 เม.ย.2563 โดยนายกฯแถลงผ่านทีวีพูลเวลา 18.00 น. วันที่ 2 เม.ย.2563
นายกฯใช้ยาแรง เตรียม “เคอร์ฟิว” ทั่วประเทศ 4 ทุ่ม- ตี 4 เริ่ม 3 เม.ย.นี้
เปิด ‘ 3 ปัจจัย’ พิจารณาถึงขั้น “เคอร์ฟิว” คุมเข้มการระบาดโควิด-19
รายการเป็นเรื่องเป็นข่าววันนี้(2 เม.ย.) ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์ว่า หลังจากมีการประกาศยกระดับจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงกับการดำเนินชีวิตของประชาชนหรือไม่ โดยได้เชิญรศ.ปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลเรื่องนี้
รศ.ปณิธาน กล่าวถึงกรณีรัฐบาลยกระดับเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ว่า จริงๆที่ผ่านมาก็มีการฝ่าฝืนอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องมีการควบคุมกิจกรรมตอนกลางคืน โดยต้องปลอดจากการแพร่เชื้อให้มากที่สุด โดยการประกาศก็ไม่ใช่ว่า จะทำทันที มีการแจ้งเตรียมตัวอยู่ เตรียมตัวสั้นๆ จะได้ไม่ต้องตื่นตระหนก และการบังคับใช้ก็ไม่ได้ยากอะไร แต่คนที่ยังต้องทำงานก็ยังมี อย่างแพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแม้แต่สำนักข่าวบางส่วนต้องทำงาน 24 ชั่วโมงก็ต้องมี ส่วนร้านค้าร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อต้องปิดหมดตามเวลาที่กำหนด
“จริงๆช่วงเวลากลางคืน ก็ยังมีคนจัดงานเลี้ยง จัดงานรื่นเริงส่วนตัว หรือบางพื้นที่ยังเปิดโอกาสให้คนเข้าไป แต่เมื่อมีประกาศก็ต้องห้ามทำอีก เมื่อมีประกาศก็ไม่ใช่ว่าหลังสี่ทุ่มจะไม่มีคนเลย เพราะยังต้องมีบุคลากร มีพนักงาน คนทำงานที่ต้องทำงานกลางคืนก็ยังต้องมี ซึ่งก็จะมียกเว้น แต่ต้องมีการแจ้งเพื่อขออนุญาตการทำงาน แต่หากไม่มีความจำเป็นแต่ฝ่าฝืนก็จะมีมาตรการตั้งแต่เตือน จับ ดำเนินคดี แต่ช่วงแรกแจ้งเตือนให้ชัดเจนก่อน อย่างกรณีเจ็บป่วย หรือกรณีจำเป็น” รศ.ปณิธาน กล่าว และว่า จริงๆก่อนหน้านี้ประเมินใช้พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ ประมาณ 1 เดือน โดยมาตรการก็จะปรับกันไปตามสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม รศ.ปณิธาน กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันศุกร์ที่ 3 เม.ย. จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษ ซึ่งมีการพิจารณาหามาตรการช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม ต้องรอดูผลการประชุมวันนั้นด้วย
นอกจากนี้ ในเรื่องของอาการผู้ป่วยโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลง หรือยังคงเดิมต้องมีอาการไข้ ไอ จาม มีเสมหะ ติดตามได้จาก พญ.เปี่ยมลาภ แสงสายัณห์ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรมปอด สถาบันโรคทรวงอก ย้ำว่า อาการไข้ยังมี แต่อาการไข้ต่ำๆ ก็พบได้ อย่างที่อู่ฮั่น จะมีไข้ มีไอมาก่อน สว่นคุณลุงที่เสียชีวิตบนรถไฟนั้น ก็อยู่ที่ช่วงเวลาที่ไปวัดด้วย ไม่เหมือนไข้หวัดใหญ่ที่จะมีไข้สูงตลอด ซึ่งการเอาตัวชี้วัดแค่ว่า เป็นไข้ อาจไม่ใช่ทั้งหมด
ติดตามเพิ่มเติม..