จากกรณี คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 อนุมัติบรรจุข้าราชการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เพื่อสร้างขวัญและกำลังบุคลากรสาธารณสุขสู้”โควิด-19” ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จำนวน 24 สายงาน และนักศึกษาที่จบใหม่อีก 5 สายงาน รวม 45,684 ตำแหน่ง
ครม.อนุมัติหลักการ บรรจุข้าราชการสธ. 45,242 ตำแหน่งสู้โควิด-19
เจ้าพนง.เวชสถิติ 3 พันคนสู้โควิด-19 ร้อง “อนุทิน” ขอตำแหน่ง ขรก.
โดยมติดังกล่าว เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในการจัดสรรตำแหน่ง และแต่ละวิชาชีพต่างทยอยทำหนังสือ หรือส่งเสียงถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้มีการจัดสรรอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากยังมีบุคลากรสาธารณสุขอีกหลายวิชาชีพร่วมทำงานสู้โควิด-19 โดยหนึ่งในนั้นมีกลุ่มแพทย์แผนไทยประมาณ 3,000 คน ได้ออกมาขอการจัดสรรตำแหน่งเช่นกัน
ล่าสุดวันที่ 9 เม.ย.2563 ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ล่าสุดได้ทราบว่าผู้บริหารในกระทรวงหลายฝ่าย ได้ร่วมกันหารือและหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดสรรการบรรจุตำแหน่งข้าราชการ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ รวมถึงแพทย์แผนไทยที่เดิมได้ตกหล่นไปจากการนำเสนอ ครม. โดยส่วนตัวที่ได้มีการทำงานด้านสมุนไพร เห็นว่า ในสถานการณ์วิกฤต โควิด-19 บุคลากรทุกสายงานล้วนมีความสำคัญด้วยกันทั้งหมด หากจะมีการพิจารณาถึงความเสียสละ ความเสี่ยง หรือในเชิงการปฏิบัติหน้าที่แล้ว บุคลากรที่ต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ การวินิจฉัย คัดกรองโรค แพทย์แผนไทยเองก็มีบทบาท ที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องกระทรวงสาธารณสุข เช่นกัน
ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า หากมองในมิติของการทำงานสามารถแบ่งได้เป็น 1. แพทย์แผนไทยเป็นส่วนที่เติมเต็มส่วนที่ขาดในระบบสุขภาพได้ สามารถเป็นส่วนเสริมกำลังในการให้บริการผู้ป่วย คัดกรองเชื้อด่านหน้า เพื่อให้กระจายกำลังบุคลากรไปยังจุดอื่นที่สำคัญต่อได้ 2. เป็นส่วนสนับสนุนองค์ความรู้ที่เรามีความเชี่ยวชาญ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วย และประชาชน รวมถึงบุคลากรในโรงพยาบาลได้ เช่น ตัวอย่างที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้มีการพัฒนาสูตรยาสมุนไพร ที่มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์และเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ที่ต้องสู้กับเชื้อไวรัส ทำเป็นอาหารและเครื่องดื่ม แจกจ่ายให้ประชาชน ผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ และเจ้าหน้าที่ได้ใช้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ให้ความรู้ประชาชนผ่านช่องทางต่างๆให้สามารถพึ่งตนเองได้ด้วยสมุนไพรใกล้ตัวในยามวิกฤตฉุกเฉิน
“ โรงพยาบาลสังคม จ.หนองคาย ได้เริ่มมีการจ่ายตำรับยามหาพิกัดตรีผลา ให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย เพื่อเป็นการช่วยป้องกันและลดโอกาสการติดเชื้อ และเตรียมยาตำรับสมุนไพรบำรุงปอดไว้รองรับผู้ป่วยอีกด้วย ทั้งนี้ยังคงมีอีกหลายสถานพยาบาลที่องค์ความรู้ทางวิชาชีพแพทย์แผนไทยได้เข้าไปร่วมมีบทบาทและสนับสนุนการทำงานสู้โควิด-19” ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว
ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ในอนาคต หากการระบาดเพิ่มจำนวนมากขึ้น วัตถุดิบหรือตัวยาแผนปัจจุบันที่จะสามารถรักษาไม่เพียงพอ จะทำอย่างไร และหากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นต้นทางในการส่งวัตถุดิบการผลิตยาให้ประเทศไทยไม่ส่งมาให้ เนื่องจากต้องใช้ดูประชากรในประเทศของเขาที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก ในวันนั้นประเทศไทยจะทำอย่างไร หากเราขาดความมั่นคงทางยา วันนี้เราโชคดีที่มีภูมิปัญญาไทย มีองค์ความรู้สั่งสมมานาน มีการใช้ยาสมุนไพร เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าในอนาคตเราไม่มียาจริงๆ เราก็ยังพึ่งตนเองได้ด้วยการใช้องค์ความรู้และตัวยาที่เรามี
“การส่งเสริมให้มีแพทย์แผนไทยในระบบ หรือการบรรจุข้าราชการตำแหน่งแพทย์แผนไทยในวาระสำคัญเช่นนี้ อนาคตเราก็จะสามารถสร้างฐานที่เข้มแข็งเช่นเดียวกับจีนได้ ในยามวิกฤตก็สามารถบูรณาการความรู้ของศาสตร์ดั้งเดิมและตะวันตก เพื่อให้เกิดประโยชน์และความมั่นคงทางสุขภาพ ความมั่นคงทางยาของประเทศได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพิจารณาจัดสรรตำแหน่งข้าราชการให้กับแพทย์แผนไทยในครั้งนี้ จะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศได้ อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจและความมั่นคงกับบุคลากรที่กำลังร่วมเสียสละเพื่อสู้สงครามเชื้อไวรัสตอนนี้ ” ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว
ชาวบ้านเข้าใจผิดดื่มน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ทยอยหามส่งรพ.
เปิดใจ “ธานินทร์” ขอโทษคนสตูล เหตุพาผู้ป่วยติดโควิด-19 เข้าประเทศ