คนตกงานในมุมไบประท้วงขอกลับบ้าน หลังขยายเวลาปิดเมือง
“ทรัมป์” คาดได้ข้อสรุปเปิดเมืองเร็วๆนี้
นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า เป็นอีกครั้งที่ผู้หญิงเป็นตัวอย่างของความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤต จากความสำเร็จในการรับมือการระบาดของโควิด-19 ของหลายประเทศและดินแดน เช่น เยอรมนี ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ฯลฯ ซึ่งล้วนมีผู้นำเป็นผู้หญิง
พิษโควิด-19 อาจฉุดเศรษฐกิจอังกฤษติดลบ 35 เปอร์เซนต์
โดยฟอร์บส์ได้แจกแจงถึงจุดเด่นในการจัดการกับสถานการณ์ระบาดของผู้นำหญิงแต่ละคน เช่น นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กับการกล่าวถึงข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก โดยบอกกับประชาชนอย่างใจเย็นว่าเชื้อไวรัสนี้ร้ายแรงและให้จริงจังกับการป้องกัน พร้อมสั่งให้เริ่มตรวจหาเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งนั่นทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตของเยอรมนีน้อยกว่าเพื่อนบ้านในยุโรปหลายๆ ประเทศ
ในด้านความเด็ดขาดในการตัดสินใจ นิตยสารฟอร์บส์ได้ยกตัวอย่างนางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ที่ออกมาตรการ 124 ข้อ สกัดการระบาดตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณครั้งแรก โดยไม่ต้องใช้มาตรการปิดเมืองเหมือนกับที่อื่นๆ
เช่นเดียวกันนายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำนิวซีแลนด์ ที่ประกาศล็อกดาวน์ตั้งแต่เนิ่นๆ และชัดเจนในการใช้มาตรการเฝ้าระวังสูงสุด โดยสั่งให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศกักตัวเองตั้งแต่ตอนที่มีผู้ติดเชื้อเพียง 6 คน และห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศไม่นานหลังจากนั้น
นอกจากนี้ ฟอร์บส์ยังกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีในการรับมือกับการระบาด โดยยกตัวอย่างนายกรัฐมนตรีคาตริน ยาคอปสโตว์ทีร์ ของไอซ์แลนด์ ที่ให้ประชาชนทุกคนรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงใช้ระบบติดตามผู้กักตัวอย่างทั่วถึง การใช้ความรักและเอาใจใส่ของนายกรัฐมนตรี อาร์นา ซูลบาร์ก ของนอร์เวย์ ที่จัดแถลงข่าวผ่านโทรทัศน์ พูดคุยและตอบคำถามเด็กๆ เกี่ยวกับโควิด-19 ตรงๆ
ในความเป็นจริงอาจมีตัวแปรอีกมากมายที่ชี้วัดประสิทธิภาพในการจัดการกับการระบาดของโควิด-19 แต่อย่างน้อย ท่าทีของผู้นำหญิงที่กล่าวมานี้ก็อาจมีอะไรที่เราสามารถเรียนรู้ได้