ญี่ปุ่นประกาศสภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ สกัดโควิด-19
รายงานประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกปีนี้ของไอเอ็มเอฟ ซึ่งเผยแพร่ออกมาวันนี้ (16 เม.ย.) ระบุว่า ในขณะที่สถานการณ์ของเอเชียดูจะดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ที่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวจากกระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวปีนี้ก็เลวร้ายกว่าสมัยวิกฤตเศรษฐกิจโลก เมื่อปี 2008 หรือวิกฤต “แฮมเบอร์เกอร์” และวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย ปี 1997 หรือ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ที่เศรษฐกิจยังขยายตัวเฉลี่ยที่ 4.7 เปอร์เซ็นต์ และ 1.3 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ทั้งนี้ นายชางยง รี (Changyong Rhee) ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียแปซิฟิกของไอเอ็มเอฟ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ความช่วยเหลือที่เฉพาะเจาะจงแก่ครัวเรือนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากวิกฤตการระบาดครั้งนี้ รวมถึงเสริมสภาพคล่องในระบบ และบรรเทาภาระทางการเงินให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
ขณะเดียวกัน นายรี เตือนว่าการโอนเงินให้ประชาชนโดยตรงอาจไม่ใช่นโยบายที่ดีที่สุดสำหรับหลายๆ ประเทศในเอเชีย ซึ่งควรเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้ธุรกิจเล็กๆ ต้องล้มละลาย ซึ่งจะส่งผลให้การว่างงานพุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียแปซิฟิกของไอเอ็มเอฟ ยังแนะนำว่า กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ควรใช้ประโยชน์จากความตกลงแลกเปลี่ยนเงินตราทวิภาคีและพหุภาคี ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากสถาบันต่างๆ และใช้มาตรการควบคุมเงินทุนตามที่จำเป็น เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินทุนเนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจเอเชียจะกลับมาเติบโตได้ 7.6 เปอร์เซ็นต์ ในปีหน้า หากนโยบายสกัดการแพร่ระบาดประสบผลสำเร็จ แต่แนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้นยังมีความไม่แน่นอนสูง