ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ สั่งระงับการจ่ายเงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) พร้อมให้เหตุผลว่าหน่วยงานดังกล่าวทำหน้าที่ล้มเหลวในการบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 โดยในปี 2019 สหรัฐฯ เป็นชาติผู้ให้การสนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของ WHO คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 15% ของงบประมาณทั้งหมด
อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 18 เม.ย. 63
อัปเดตข่าวโควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 18 เม.ย. 63
“ทรัมป์” สั่งหยุดจ่ายเงินช่วย “WHO” 400 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ มูลนิธิ “บิลและเมลินดา เกตส์” ของบิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์และภรรยา ตำหนิการกระทำของทรัมป์ พร้อมประกาศเพิ่มเงินช่วยเหลือ WHO อีก 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็นทั้งสิ้น 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 8,100 ล้านบาท สนับสนุนการพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคจากเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุขในการจัดการโรคระบาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
"บิล เกตส์" เพิ่มเงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลก
ด้านเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) อธิบดี WHO กล่าวว่า “เราเสียใจในการตัดสินใจของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา WHO กำลังตรวจสอบผลกระทบที่มีกับงานของเราจากการถอนเงินทุนของสหรัฐอเมริกา และจะทำงานร่วมกับพันธมิตรของเราคนอื่น ๆ เพื่อเติมเต็มช่องว่างทางการเงินที่เราต้องเผชิญ เพื่อให้มั่นใจว่างานของเราจะดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง"
ในแต่ละปี WHO จะได้รับเงินบริจาคจากประเทศสมาชิก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เงินจากการประเมิน (Assessed) เช่น ค่าธรรมเนียมสมาชิก และเงินบริจาคโดยสมัครใจ (Voluntary)
เลขายูเอ็นฯ โต้ “ทรัมป์” ตัดงบช่วยอนามัยโลก
โดยเงินที่ได้รับจากการประเมินนั้นเป็นเหมือนกับการสนับสนุนการปฏิบัติงาน แต่ละประเทศสมาชิกจะจ่ายค่าธรรมเนียมการประเมินตามความมั่งคั่งและประชากรของประเทศ และประเทศต่าง ๆ ยังให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมโดยสมัครใจ เช่นเดียวกับที่มอบให้ องค์การสหประชาชาติ มูลนิธิการกุศล และองค์กรพัฒนาเอกชนอื่น ๆ
สำหรับ 20 อันกับประเทศ/องค์กรที่สนับสนุนเงินทุนให้กับ WHO ได้แก่
- สหรัฐอเมริกา (US) - 893 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 14.67%
- มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill & Melianda Gates Foundation) - 531 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 8.72%
- สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เหนือ (UK and North Ireland) - 435 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 7.15%
- พันธมิตรเพื่อวัคซีนและการฉีดวัคซีน (GAVI Alliance) - 371 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6.1%
- เยอรมนี (Germany) - 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 9.5 พันล้านบาท คิดเป็น 4.8%
- ญี่ปุ่น (Japan) - 214 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7 พันล้านบาท คิดเป็น 3.5%
- สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) - 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.2 พันล้านบาท คิดเป็น 3.15%
- โรตารีสากล (Rotary International) - 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.6 พันล้านบาท คิดเป็น 2.35%
- ธนาคารโลก (World Bank) - 133 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.3 พันล้านบาท คิดเป็น 2.2%
- คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) - 131 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.26 พันล้านบาท คิดเป็น 2.15%
- ทรัสต์เพื่อการกุศลแห่งชาติ (National Philanthropic Trust) - 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.5 พันล้านบาท คิดเป็น 1.77%
- แคนาดา (Canada) - 101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.3 พันล้านบาท คิดเป็น 1.66%
- กองทุนกลางฉุกเฉินของสหประชาชาติ (CERF) - 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.8 พันล้านบาท คิดเป็น 1.43%
- นอร์เวย์ (Norway) – 86.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.8 พันล้านบาท คิดเป็น 1.42%
- จีน (China) - 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.79 พันล้านบาท คิดเป็น 1.41%
- สวีเดน (Sweden) - 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.5 พันล้านบาท คิดเป็น 1.27%
- ฝรั่งเศส (France) - 76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.47 พันล้านบาท คิดเป็น 1.25%
- เกาหลีใต้ (South Korea) - 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.3 พันล้านบาท คิดเป็น 1.15%
- คูเวต (Kuwait) - 69.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.26 พันล้านบาท คิดเป็น 1.14%
- ออสเตรเลีย (Australia) - 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.2 พันล้านบาท คิดเป็น 1.1%
WHO เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2491 ทำหน้าที่เป็น “ผู้มีอำนาจสั่งการและประสานงานด้านสุขภาพระหว่างประเทศในระบบของสหประชาชาติ” คอยประสานโครงการและให้คำแนะนำสำหรับ 194 ประเทศสมาชิกและสมาชิกสมทบ 2 ประเทศ
โครงการของ WHO มีตั้งแต่การส่งเสริมการฉีดวัคซีนโปลิโอ การสนับสนุนโภชนาการสำหรับเด็ก ไปจนถึงเป็นผู้นำในกรณีฉุกเฉินด้านสุขภาพ
ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกกำลังดำเนินงานอยู่ในรอบงบประมาณ 2 ปี สำหรับปี 2563 และ 2564 งบประมาณในการดำเนินการโครงการต่าง ๆ อยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.56 แสนล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาว่า เมื่อขาดเงินทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ แล้ว WHO จะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
เรียบเรียงจาก WHO, NPR