คำเรียกร้องของ นางป่าน ซ้ายซา อายุ 56 ปี แม่ผู้เสียชีวิต ออกมาเรียกร้องไปยังหน่วยงานทหารว่า มาถึงวันนี้อยากฝากไปยังหน่วยงานทหารต้นสังกัด รีบนำตัวกลุ่มทหารที่กระทำผิดซ้อมลูกชายของตนจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บออกมามอบตัวโดยเร็ว รวมถึงกลุ่มทหารที่ทำผิดก็ต้องกล้ารับผิด อยากให้รักษาเกียรติชายชาติทหาร
พ่อเผยผลชันสูตรลูกชายสมองกระเทือน-ปอดช้ำ
กล้าทำก็กล้ารับ โดยออกมายืดอกรับผิดชอบกับผลกรรมที่ก่อไว้และขอร้องอย่าคิดสู้คดี เพราะครอบครัวตนสูญเสียลูกชายทั้งคน อยากให้ความเป็นธรรมและเข้าใจในความสูญเสียเพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเลวร้ายเกินจะรับได้ เนื่องจากต้องสูญเสียลูกชายคนโตซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนลูกอีกคนก็ยังบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวอีกนานและไม่สามารถช่วยพ่อแม่ทำงานได้ พอนึกถึงวันที่ไปรับลูกชายกลับมาก็ยังทำใจไม่ได้ ทั้งที่ลูกชายบาดเจ็บสาหัสจะตายอยู่แล้วแต่กลุ่มทหารยังบอกว่าปลอดภัย หากไม่พยายามไปขอตัวลูกคืนช้าอีกวันเดียว ตนคิดว่าลูกชายทั้งสองคนตายไปแล้วเพราะไม่มีความปราณีเลย
ด้าน นายณัฐพงษ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี ผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เล่าถึงพฤติกรรมกลุ่มทหารว่า ขณะที่ตนกับพี่ชายกำลังนั่งกินข้าวในกระท่อมนา สักพักมีรกระบะกลุ่มทหารมาจอดและบุกเข้าไปจับตัว ซึ่งตนยอมรับว่าเสพยาจริงแต่ก็ไม่เคยสร้างปัญหาเดือดร้อนให้สังคม ถ้าหากถูกจับกุมดำเนินคดีก็ยอมรับผิดและไม่เคยคิดขัดขืน
แต่ทหารกลุ่มดังกล่าวกลับใส่กุญแจมือทั้ง 2 คน จากนั้นก็รุมซ้อมต่างๆนาๆ ทั้งเตะ ทั้งถีบ ทั้งกระทืบสารพัด ต่อมาได้พาตัวไปฐานปฏิบัติการก็ยังรุมซ้อมต่อเนื่องอีกเป็นชั่วโมง เพื่อเค้นให้รับสารภาพว่าค้ายาบ้าด้วย ทั้งที่ตนกับพี่ชายเสพแค่นั้น ซึ่งทหารกลุ่มดังกล่าวได้พาเข้าไปในฐานและแยกห้องสอบสวน จากนั้นได้ปิดไฟและรุมซ้อม ตนได้ยินเสียงพี่ชายร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด จนกระทั่งเงียบเสียงไปคาดว่าน่าจะหมดสติ และมารู้ทีหลังว่าพี่ชายถูกส่งไปโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา