เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ medRxiv.org เผยแพร่งานวิขัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University) ซึ่งอ้างว่า พวกเขามีหลักฐานว่าเชื้อไวรัส โควิด-19 “กลายพันธุ์จนสามารถเปลี่ยนลักษณะการก่อโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ”
อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 23 เม.ย. 63
อัปเดตข่าว โควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 23 เม.ย. 63
อัปเดตข่าวล่าสุด โควิด-19 (Covid-19) ในวงการฟุตบอล วันที่ 23 เม.ย. 63
งานวิจัยดังกล่าว เขียนขึ้นโดยทีมงานของศ.หลี่หลันจวน (Li Lanjuan) หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของจีน ผู้เชี่ยวชาญคนแรกที่เสนอให้ล็อกดาวน์อู่ฮั่น ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ โควิด-19
ตัวอย่างถูกนำมาจากผู้ป่วย 11 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในหางโจว ระหว่างวันที่ 22 ม.ค. ถึง 4 ก.พ. ด้วยการใช้ "การวิเคราะห์ลำดับเบสเชิงลึกพิเศษ (Ultra-Deep Sequencing)" นักวิจัยได้จำแนกการกลายพันธุ์ของ ไวรัสโควิด-19 ออกมา 33 สายพันธุ์ โดยมี 19 สายพันธุ์ใหม่
การกลายพันธุ์ที่อันตรายที่สุดในการศึกษา พบในผู้ป่วยส่วนใหญ่ทั่วยุโรป ในขณะเดียวกัน สายพันธุ์ที่รุนแรงกว่านั้นเป็นประเภทที่พบได้ในพื้นที่ต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา เช่น ในรัฐวอชิงตัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ในผู้ป่วย 5 ราย ยังพบการกลายพันธุ์รูปแบบหนึ่งที่เคยพบในผู้ป่วยที่ออสเตรเลียเพียงรายเดียวเท่านั้น นักวิจัยกล่าวว่าการค้นพบบ่งชี้ว่า “เรายังประเมินความหลากหลายที่แท้จริงของสายพันธุ์ของ โควิด-19 ต่ำไป”
พวกเขายังเตือนบรรดาผู้พัฒนาวัคซีนว่า จำเป็นต้องพิจารณาผลกระทบของ "การกลายพันธุ์ที่หลากหลาย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น”
หาคำตอบ “วัคซีนโควิด-19” ไทยจะได้ร่วมทดสอบหรือไม่?
สธ.เร่งพัฒนาวัคซีน โควิด-19 ตั้งเป้า 3 เดือนต้องมีความคืบหน้า
นอกจากนี้ นักวิจัยยังประเมินปริมาณของไวรัส โควิด-19 ในเซลล์มนุษย์ในรอบ 1, 2, 4, 8, 24 และ 48 ชั่วโมง และพบว่า สายพันธุ์ที่ร้ายกาจที่สุดมีปริมาณเชื้อไวรัสมากกว่าสายพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดถึง 270 เท่า
ศ.หลี่หลันจวนและทีมงานกล่าวว่า การค้นพบของพวกเขายังระบุด้วยว่า "ปริมาณไวรัส โควิด-19 ที่สูงขึ้น ทำให้อัตราการตายของเซลล์สูงขึ้นตาม”
ผู้ป่วย 10 ใน 11 คนที่เป็นตัวอย่างการศึกษา มีอายุระหว่าง 4 เดือนถึง 71 ปี ทั้งหมดมีอาการ “ปานกลางถึงหนัก” แต่ทั้งหมดได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ตามรายละเอียดในงานวิจัยซึ่งเผยแพร่โดย medRxiv
อย่างไรก็ตาม การค้นพบดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบซ้ำโดยบุคลากรในวงการแพทย์ มีการตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของงานวิจัย แต่เบื้องต้นได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง
เรียบเรียงจาก medRxiv, Sky News