Matshidiso Moeti หัวหน้าคณะทำงานขององค์การอนามัยโลกในแอฟริกา ระบุถึงสมมติฐานนี้ ว่า โควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในแอฟริกาช้ากว่าทวีปอื่น แต่ก็อาจกินระยะเวลาที่ยาวนานกว่า เพราะที่นี่ต่างจาก ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปที่ประกาศใช้ มาตรการล็อกดาวน์ เว้นระยะห่างทางสังคม จำกัดการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ การเดินทางระหว่างประเทศ และมาตรการเคอร์ฟิว เพื่อลดการแพร่ระบาด
ยูเอ็นชี้ โควิด-19 เป็นวิกฤตร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
แต่ในหลายประเทศของภูมิภาคแอฟริกานี้อาจไม่มีการใช้มาตรการเหล่านั้น ซึ่งนั้นจะทำให้ โควิด-19 แพร่ระบาดไปอีกเป็นปี โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเล็กๆ อย่าง แอลจีเรียแอฟริกาใต้ และ แคเมอรูน ที่อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
แอฟริกาใต้ประกาศล็อกดาวน์ หลังยอดติดเชื้อพุ่งเฉียด 1 พันราย
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกในแอฟริกาดูแลครอบคลุมเฉพาะ 47 ประเทศ ซึ่งพบผู้ป่วย โควิด-19 แล้ว 35,097 ราย เสียชีวิต 1,231 ราย และ ภายใต้การแพร่ระบาดโดยปราศจากมาตรการ ล็อกดาวน์ คาดว่า จะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 3.6 ล้าน –5.5 ล้านคน ซึ่ง 82,000–167,000 จะเป็นผู้ป่วยโคม่า ขณะที่มีอัตรา เครื่องช่วยหายใจ 1 เตียงต่อผู้ป่วยโคม่า 100,000 คน
อนามัยโลกเตือน ควรเผื่อใจ-หาทางรับมือ หากวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 ไม่สำเร็จ
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าบุคลากรทางการแพทย์อีกประมาณ 1,000 คน เสี่ยงต่อการติดเชื้อ โควิด-19 ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์อย่างหนักที่มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
เรียบเรียงจาก CNBC
