ด.ญ.16 ปี ไปจ่ายค่าปรับบนโรงพัก กลับถูกตร.ทำอนาจาร
ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความเตือนภัย โดยระบุถึงเรื่องราวเหตุการณ์ทำนองว่า จะไปจ่ายค่าปรับที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกที่ สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยไปกับน้องสาวและได้ถามตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อนและมีอาการลักษณะคล้ายคนเมา ใช้มือโอบเอวแล้วพาขึ้นไปชั้น 2 ก่อนจะเข้าไปในห้องที่เสียค่าปรับ
จากนั้นมีการสอบถามพูดคุยกันแล้วตำรวจได้ขอจับอวัยวะเพศ ซึ่งหลังจากข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปทำให้โลกโซลเชียลมีการแชร์และเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก เพราะหลายคนมองว่าโรงพักเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลับไม่ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งพบกับนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี และนางบี อายุ 67 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นตากับยาย ชาวบ้านใน ต.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ พาหลานสาวสองคน อายุ 16 ปี และอายุ 14 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.กัมปนาท อรรถวิลัย ร้อยเวร สภ.สหัสขันธ์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบยศและตำแหน่ง หลังจากหลานสาวคนโตอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.3 ที่กำลังจะขึ้น ม.4 ได้มาจ่ายค่าปรับ แต่กลับถูกตำรวจคนดังกล่าวโอบกอดเอวไว้ และพาตัวขึ้นไปบนชั้นสองของโรงพัก ก่อนจะขอจับอวัยวะเพศ
ด้านหญิงสาว อายุ 16 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนพร้อมกับน้องสาวได้เดินทางมาจ่ายค่าปรับที่โรงพักสหัสขันธ์ ในข้อหาไม่สวมกันน็อก โดยได้เดินเข้าไปสอบถามตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งสวมชุดเครื่องแบบครึ่งท่อน สภาพคล้ายกับคนเมาสุราอยู่ที่ชั้นล่าง โดยถามว่าไปจ่ายค่าปรับได้ตรงไหน ซึ่งตำรวจคนนี้ก็บอกว่าเสียค่าปรับอยู่ที่ชั้น 2 แต่วันนี้เป็นวันหยุด
ตนจึงกำลังจะกลับออกจากโรงพักแล้วค่อยมาเสียค่าปรับใหม่วันหลัง แต่อยู่ๆตำรวจคนนี้กลับเดินมาโอบกอดเอวของตนไว้ แล้วพาตัวขึ้นไปชั้นสอง โดยมีน้องสาวเดินตามหลังมา พร้อมกับพาตัวเข้าไปในห้องเปรียบเทียบปรับ ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครอยู่ในห้อง ก่อนที่ตำรวจคนดังกล่าวจะยืนขวางประตูทางออกไว้ พร้อมกับขอจับอวัยวะเพศของตน ซึ่งขณะนั้นตนตกใจมากร้องไห้จนทำอะไรไม่ถูก จึงรวบรวมสติตัดสินใจรีบผลักประตูออกมา แล้วรีบพาน้องสาววิ่งลงบันไดไปบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ชั้นล่างว่าถูกตำรวจคนนี้ลวนลาม จากนั้นได้โทรศัพท์ไปหาตาและยาย และเล่าให้พี่ชายฟังก่อนจะพากันมาแจ้งความในครั้งนี้ ซึ่งส่วนตัวไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่โรงพักได้
ด้านน้องสาวผู้เสียหาย กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนเห็นเหตุการณ์โดยตลอดและตกใจอย่างมาก เพราะไม่คาดคิดว่าโรงพักซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาให้ความเป็นธรรมและดำเนินการอย่างถึงที่สุด
ต่อมาขณะที่ญาติได้พาหลานผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่โรงพักนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามห้ามสื่อมวลชนไม่ให้ถ่ายภาพ พร้อมกับปิดประตูล็อกไม่ไห้เข้าไปข้างใน และไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.พุฒินันท์ อำพันธ์ ผู้กำกับการ สภ.สหัสขันธ์ เพื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าว โดยทางผู้กำกับระบุว่าได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว และให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งจะมีการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมีการประสานผู้เสียหายพร้อมสหวิชาชีพมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงข้อเท็จจริง ในส่วนของตำรวจคนดังกล่าวจะมีการตั้งกรรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้รายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินทั้งทางวินัยและอาญาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งคงต้องรอให้ต้นสังกัดทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน และหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำผิดจริงตามข้อมูลที่มีการโพสต์ในโลกโซเชี่ยลมีเดีย ก็จะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยขอให้ผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
