กรณีผลการชันสูตรศพน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ ที่ตายปริศนาในสภาพเปลือยกาย อยู่ภายในป่าห่างจากบ้านพักที่ในเขตบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ผลจากชันสูตรในรอบแรกและรอบที่ 2 ระบุว่าไม่ได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งทำให้ทางพ่อแม่และญาติน้องชมพู่ยังติดใจสงสัย และไม่ยอมเผาศพน้องชมพู่ตามกำหนดเดิมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกับได้นำศพน้องชมพู่ส่งตรวจชันสูตรเป็นครั้งที่ 3
ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าผลการชันสูตรจะเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ (18 พ.ค.) เพื่อยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
โดยคดีนี้ นายชัชวาลย์ ทองชน นายอำเภอดงหลวง จ. มุกดาหาร ประสานงานร่วมกับ พล.ต.ต. อรรคพงศ์ พิมลศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กกตูม รวมถึงทีมชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้ระดมกำลังลงพื้นที่พร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อสอบสวนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ทั้งหมด เพื่อสืบสวนติดตามหาเบาะแสคนร้าย เนื่องจากทางตำรวจมุ่งประเด็นมีคนนำพาน้องชมพู่เข้าไปในป่าลึก ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตด้วยสภาพเปลือยกาย ซึ่งมีเพียงหลักฐานกางเกง 1 ตัว กับรองเท้าเตะ 1 คู่ ส่วนเสื้อกล้ามที่สวมใส่ก่อนหายตัวไปยังไม่พบ และมีการนำผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนแล้วทั้งหมด 5 คน พร้อมทั้งเก็บดีเอ็นเอเพื่อรอเทียบเคียงผลทางนิติวิทยาศาสตร์ และผลการชันสูตรศพรวมทั้งพยานหลักฐานที่เก็บได้ในจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้แม้ว่าผลการชันสูตรในรอบแรกจะไม่ยื่นยันถึงการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ทางตำรวจก็ยังเดินหน้าคลี่คลายคดี เพราะยังมีประเด็นเชื่อมโยงหลายอย่างที่มีหลักฐานว่าผู้ตายไม่ได้หลงป่าเสียชีวิตเพียงคนเดียว แต่จากหลักฐานขณะนี้ยังไม่ชัดเจน จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับใครได้
ด้าน นางสาวิตรี วงค์ศรีชา อายุ 40 ปี แม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า สำหรับผลการชันสูตรเบื้องต้น ถึงแม้จะได้ข้อสรุปไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็ถือว่าดีใจที่ลูกไม่ถูกกระทำทางเพศจนเสียชีวิต แต่สิ่งที่ยังคาใจคือผลชันสูตรระบุว่าสภาพศพลูกสาวไม่มีร่องรอยบาดแผลการถูกทำร้ายก่อนเสียชีวิต จึงอยากให้มีการตรวจสอบชันสูตรเพิ่มเติม เพราะเชื่อมั่นว่าลูกสาวไม่ได้เสียชีวิตเองตามลำพังเพราะเดินพัดหลงป่า
เนื่องจากผู้เป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกสาวไม่สามารถที่จะเดินพลัดหลงป่าเข้าไปลึกถึง 2 กิโลเมตร เพราะขนาดผู้ใหญ่ยังเดินขึ้นไปยากลำบากกว่าจะถึงจุดที่พบศพ ที่สำคัญลูกสาวไม่สามารถถอดเสื้อผ้าด้วยตัวเองได้ แต่สภาพศพเปลือยกายจึงมั่นใจว่าต้องมีคนนำพาลูกสาวไปแน่นอน ส่วนจะทำให้เสียชีวิตด้วยวิธีการไหนขณะนี้ยังไม่ทราบ จึงอยากให้มีการชันสูตรที่ละเอียดชัดเจนให้ถึงที่สุด และยังเชื่อว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ก่อเหตุเพราะมีความชำนาญเส้นทาง และรู้เห็นความเคลื่อนไหวภายในครอบครัวเป็นอย่างดี จึงได้ขอความช่วยเหลือให้ทางตำรวจส่งศพไปชันสูตรอีกรอบ เพื่อที่จะได้มีหลักฐานในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกันทาง ชาวบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ยังมีความกังวลใจและยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งภายในหมู่บ้านได้มีการจัดเวรยามเพื่อป้องกันตัวเองไว้ก่อน เพราะกลัวเหตุการณ์จะเกิดซ้ำขึ้นอีก ส่วนทางผู้ปกครองบางคนยังใช้วิธีไปไหนมาไหนต้องเอาเด็กติดตามไปด้วยตลอด และไม่ยอมปล่อยให้เด็กอยู่เพียงลำพังคนเดียว หรือปล่อยเด็กให้ไปเล่นกับใคร เพราะตอนนี้ทุกคนยังคงหวาดกลัวไปหมดทุกอย่าง
แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านยังคงมีความหวังให้ตำรวจเร่งสืบหาเบาะแส และคลี่คลายเรื่องการเสียชีวิตของน้องชมพู่ พร้อมกับจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่คนในหมู่บ้านจะได้กลับมาใช้ชีวิตที่สงบสุขเหมือนเดิม
