ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 คือ ประเทศจีน ซึ่งมีการค้าสัตว์ป่าซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านหยวน แต่เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้น ซึ่งคร่าชีวิตคนไปแล้วอย่างน้อย 300,000 รายทั่วโลก ความพยายามในการยุติอุตสาหกรรมดังกล่าวจึงเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ การหาอาชีพมาทดแทนเกษตรที่ล่าสัตว์ป่ามาขายไม่จนถึงห้ามการบริโภคโดยใช้กฎหมายบังคับ
อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 20 พ.ค. 63
อัปเดตข่าวสถานการณ์ โควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 20 พ.ค. 63
ในมณฑลหูหนาน เป็นมณฑลแรก ที่ใช้นโยบายรับซื้อสัตว์ป่าจากเกษตรกร เช่น งู กิโลกรัมละ 120 หยวน (ประมาณ 500 กว่าบาท) หรือ หนูป่ากิโลกรัมละ 75 หยวน (ประมาณ 300 กว่าบาท) เม่นหรืออีเห็น ซึ่งเป็นมีส่วนของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน หรือโรคซาร์ส จะรับซื้อในราคา ประมาณ 600 หยวน (ประมาณ 2,600 กว่าบาท)
โควิด-19 ทำผวา! เซินเจิ้นออกข้อห้ามบริโภคสุนัขและแมว
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อทางการรับซื้อสัตว์ป่าเหล่านี้แล้ว เกษตรกรจะต้องเข้าโครงการฝึกอบรมอาชีพใหม่พร้อมกับได้รับเงินอุดหนุนพิเศษเพิ่มด้วย แต่หากรายใดจำเป็นต้องเลี้ยงสัตว์ป่าเพื่อการวิจัยหรือการแพทย์จะต้องมีใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ
มีผลทันที!!! ห้ามขาย-บริโภค สัตว์ป่า เด็ดขาด
ขณะที่บางเมืองยังเสนอแรงจูงใจอื่นๆ เพื่อให้ยุติการล่าสัตว์ป่า เช่น เมืองกั้นโจว (Ganzhou) เมืองในมณฑลทางตะวันออกของมณฑลเจียงซี รัฐบาลเมืองได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ป่า ด้วยการปล่อยสินเชื้อและค่าเช่าพื้นที่ทำการเกษตรราคาถูก
เมืองตงหยวน (Dongyuan) ในมณฑลทางใต้ของมณฑลกวางตุ้ง รัฐบาลได้ให้คำมั่นว่าทุ่มเงินเงิน 2 ล้านหยวน (8.9 ล้านบาท) เพื่ออุดหนุนเกษตรกรให้เลิกเลี้ยงหนูป่าและงู
ตลาด “เมืองอู่ฮั่น” ต้นกำเนิดไวรัสโคโรน่า พบเนื้อโคอาลาพร้อมสัตว์อีกนับร้อยชนิด
อย่างไรก็ตาม จากรายงานในปี 2560 ของ Chinese Academy of Engineering พบว่า การค้าสัตว์ป่าของจีนมีมูลค่า 520 ล้านหยวน (2.3 พันล้านบาท) แต่ก็ยังมีบางเมืองที่ยากจนและการล่าสัตว์ป่าเป็นแหล่งที่สร้างรายได้หลัก อย่าง กุ้ยโจวและกว่างซี
เป็นอีกความพยายามของทางการจีนที่จะตัดวงจรการบริโภคสัตว์ป่าอันเป็นแหล่งกำเนิดของโรคระบาด
เรียบเรียงจาก : south china morning post