นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ทั่วโลกลดลงถึง 17% ในช่วงที่หลายประเทศประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อรับมือกับโควิด-19 โดยเกือบครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่ลดลงนั้นเกิดจากการเดินทางด้วยรถยนต์ที่น้อยลง
ปี 2020 อาจเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์
แต่มีความกังวลว่า เมื่อผู้คนกลับมาทำงานตามปกติ หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อัตราการใช้รถยนต์จะกลับมาทะยานขึ้นอีกครั้ง
นักวิทยาศาสตร์กลัวว่า การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะดีดกลับมาสูงกว่าตอนก่อนวิกฤต
พวกเขากำลังเรียกร้องให้นักการเมืองอาศัยช่วงเวลานี้หาทางเปลี่ยนแปลงการคมนาคมบนท้องถนนอย่างยั่งยืน
ในสหราชอาณาจักร แกรนต์ แชปป์ส (Grant Shapps) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สัญยาว่า จะจัดสรรงบประมาณ 250 ล้านปอนด์ (9.7 พันล้านบาท) เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขี่จักรยานและการเดิน
การล็อกดาวน์ที่รัฐบาลส่วนใหญ่ดำเนินการเพื่อรับมือกับโควิด-19 มีผลต่อการผลิตคาร์บอนที่เกี่ยวพันกับกิจกรรมเกือบทุกอย่างที่เราทำ ช่วงที่ผ่านมา การคมนาคมทางถนนลดลงอย่างมากเช่นเดียวกับการบิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสหราชอาณาจักรเริ่มอนุญาตให้ประชาชนออกมาทำงานได้อีกครั้ง แชปป์สกล่าวว่า ผู้คนควรขับรถไปทำงานแทนที่จะใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
ภาคอุตสาหกรรมเองก็ได้ปิดตัวลงชั่วคราว และความต้องการพลังงานทั่วโลกก็ลดลงชั่วคราว ส่งผลให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานาน
นักวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นส่งผลต่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของเราอย่างไร
พวกเขาได้คำนวณการลดลงของคาร์บอนในช่วงล็อกดาวน์ใน 69 ประเทศซึ่งคิดเป็น 97% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลก
ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์สูงสุดในช่วงต้นเดือนเมษายน อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อวันลดลง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งหมายถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงประมาณ 17 ล้านตันต่อวัน
โควิด-19 อาจสร้าง New Normal ความต้องการใช้พลังงานของโลก
ประเทศจีนมีการลดลงของคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอินเดีย
หากมาตรการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปทั่วโลกจนถึงสิ้นปี การปล่อยมลพิษทั่วโลกน่าจะลดลง 7%
หากระดับการคมนาคมและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาในช่วงกลางเดือนมิถุนายน คาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงต่อปีประมาณ 4%
แต่ทีมวิจัยที่ดำเนินงานนี้เป็นห่วงว่าอาจเกิดการดีดกลับของคาร์บอนเมื่อหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์รับมือโควิด-19
ศ.คอรินน์ เลอ เกเร (Corinne Le Quéré) จากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย (University of East Anglia) หัวหน้าทีมวิเคราะห์ กล่าวว่า “มีความกังวลว่าผู้คนจะต้องการกลับไปใช้รถยนต์เพื่อไปทำงาน และนั่นอาจทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาอยู่ในระดับสูงเท่าเดิม หรือสูงขึ้นกว่าเดิม”
นักวิจัยกล่าวว่า จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ หากต้องการลดการปล่อยการคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อจำกัดผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยการเปลี่ยนแปลงด้านการคมนาคมมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด
ศ.เลอ เกเร กล่าวว่า หลังจากวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 รัฐบาลบางประเทศ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ได้เพิ่มการลงทุนในด้านพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และทำให้ราคาพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้ลดลง
“ตอนนี้ เราเข้าใกล้การเปลี่ยนการเดินทางไปใช้พลังงานไฟฟ้าแทนเข้าไปทุกที และมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อการคมนาคมขนส่งในวันอนาคต”
การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่หลายองค์กรมีความคิดเกี่ยวกับการลดปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บริษัทต่าง ๆ เช่น Carlsberg, Iberdrola, EDF และ Coca Cola Europe กล่าวว่า พวกเขาต้องการให้รัฐบาลต่าง ๆ ช่วยกัน “เปลี่ยนโลกสีเทาให้เป็นสีเขียว”
มลพิษทั่วโลกลดฮวบช่วงโควิด-19 ระบาด
เรียบเรียงจาก BBC