ผู้บริจาคแฉพฤติกรรม “แม่ปุ๊ก” อ้างเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เรียกความสงสารขอเงินบริจาค


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม จับกุม “แม่ปุ๊ก” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และฉ้อโกงประชาชน หลังจากมีผู้เสียหายร้องเรียน ผู้ต้องหาโพสต์ข้อความเปิดรับบริจาคเงินและหลอกขายสินค้า ด้านหนึ่งในคนที่เคยบริจาคเงิน เผยสงสารเด็กทั้งสองคน เคยซื้อของแต่ไม่ได้รับสินค้า แต่ไม่คิดว่าจะถูกโกง

ย้อนไทม์ไลน์ “น้องอิ่มบุญ-น้องอมยิ้ม” ถูกแม่วางยา หวังเงินบริจาค 20 ล้าน

คดีเหี้ยม !! รับเด็กมาเลี้ยง วางยาเด็ก ขอรับบริจาค สุดท้ายเด็กตาย

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 หนึ่งในผู้ที่ติดตามและบริจาคเงิน “แม่ปุ๊ก” อ้างว่า ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกสาวและลูกชาย 2 คน พร้อมเล่าว่า ติดตามอ่านเรื่องราวที่ “แม่ปุ๊ก” โพสต์ลงเฟซบุ๊กมาประมาณ 3 ปีแล้ว รู้สึกสงสารและเห็นใจ เคยโอนเงินทำบุญให้ครั้งละ 200 - 300 บาท รวมทั้งหมดประมาณ 2,000 บาท โดยพฤติกรรมของ “แม่ปุ๊ก” แต่ละครั้งที่ขอรับบริจาค จะโพสต์รายละเอียดครบถ้วน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา หรือ ค่าอาหาร ทำให้แฟนเพจหลายคนที่ติดตามโอนเงินไปให้

ทั้งนี้นอกจากขอรับบริจาคเป็นเงินแล้ว “แม่ปุ๊ก” ยังนำสินค้ามาขาย เช่น กิ๊ฟหนีบผม โถชักโครกเด็ก มีคนใจบุญติดต่อซื้อจำนวนมาก ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยสั่งซื้อโถชักโครกเด็กราคา 150 บาท แต่ยังไม่ได้รับของและพยายามติดต่อแต่ “แม่ปุ๊ก” อ้างว่า ติดธุระต้องเฝ้าลูกที่ป่วยอยู่ จึงไม่ได้ทวงถามต่อ จนมารู้ภายหลังว่ามีคนไม่ได้สินค้าจำนวนมาก ก็รู้สึกเหมือนถูกโกง และรับไม่ได้ที่นำเอาเด็กมาหาเงิน 

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านของ “แม่ปุ๊ก” ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น บริเวณหน้าบ้านมีรถจักรยานยนต์ 2 คัน พบพ่อของ “แม่ปุ๊ก” ให้ข้อมูลว่า หลัง “แม่ปุ๊ก” ถูกจับกุมก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะเร่งหาเงินไปยื่นประกันตัวประมาณ 3 แสนบาท ขณะที่อาการป่วยของหลานทั้งคู่ต่างกัน โดย เด็กหญิง มีอาการแพ้ นม ไข่ ถั่วเหลือง ฝุ่น และแดด มักจะมีผื่นคันขึ้น และเหนื่อยหอบ ส่วนเด็กชาย ไม่เคยป่วยอะไรเลย แต่ที่ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เพราะหมอที่รักษาเรื่องภูมิแพ้ให้ไปตรวจว่ามีอาการเดียวกันหรือไม่ เพราะเด็กกินปลาหมึกแล้วเกิดอาการผื่นขึ้น จึงเข้าใจว่าอาจจะแพ้อาหารทะเล  

นอกจากนี้ พ่อของ “แม่ปุ๊ก” ยังกล่าวถึงเรื่องเงินบริจาค 20 ล้านบาท ว่า หากมีเงินจำนวนดังกล่าวจริง ก็คงไม่ต้องมาอยู่อาศัยบ้านแบบนี้ เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านทางพ่อเป็นคนออกเองทั้งหมด  

ด้านเพื่อนบ้าน “แม่ปุ๊ก” เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ “แม่ปุ๊ก” อยู่ที่อื่น และกลับมาอยู่ที่นี่พร้อมกับลูกสาว ปกติเด็กเป็นคนขี้โรคแพ้ง่าย ไปโรงเรียนได้ไม่กี่วันก็ป่วย ซึ่งยังเคยขับรถไปส่ง 2 แม่ลูกไปหาหมอ เพราะบ้าน “แม่ปุ๊ก” มีแต่รถจักรยานยนต์ 2 คัน 

สำหรับกรณีของ ลูกชายคนเล็ก เพื่อนบ้าน ระบุว่า ไม่ได้สังเกตว่า “แม่ปุ๊ก” อุ้มท้องเองหรือไม่ เพราะปกติเป็นคนรูปร่างท้วม มาเห็นอีกทีก็มีลูกชายแล้ว  ตลอดเวลาก็เห็นว่าครอบครัวนี้รักเด็กดี ไม่เคยตี 

เปิดพิรุธ “แม่ปุ๊ก” ไม่ใช่แม่ตัวจริงส่งพิสูจน์ดีเอ็นเอ

ย้อนกลับไปดูไทม์ไลน์ จะพบว่า “แม่ปุ๊ก” เริ่มเป็นที่รู้จักทางเฟซบุ๊ก ตั้งแต่ปี 2560 โดยเธอ สร้างโปรไฟล์ว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูก 2 คน เป็นเด็กหญิง และเด็กชาย

ปี 2562 เธอโพสต์ภาพว่าเด็กหญิงซึ่งเป็นลูกคนโต ป่วยเป็นโรคประหลาด มีอาการเหนื่อยหอบ เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นฟองบ้าง เป็นเลือดบ้าง  อ้างว่าเป็นโรคประหลาด มีเพียง 1 ในล้าน จึงทำสินค้ามาเพื่อขอรับบริจาครักษาลูก อย่างไรก็ตาม แต่เด็กก็อาการทรุดหนัก และเสียชีวิตเดือนธันวาคม 2562

ต้นปี 2563 “แม่ปุ๊ก” โพสต์อ้างว่า ลูกชายคนเล็ก ป่วยด้วยโรคประหลาดเหมือน “พี่สาว” คือ มีอาการอาเจียนเป็นเลือด และตัวบวม ทำให้ชาวเน็ต แห่บริจาค รวมทั้งซื้อสินค้าจำนวนมาก นอกจากนี้แม่ปุ๊กมักจะโพสต์อัปเดตอาการป่วยของลูก และบิลค่ารักษาพยาบาล

ขณะที่การสั่งซื้อสินค้าก็เกิดปัญหา จนหลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตและเสนอให้พาลูกไปรักษากับแพทย์เฉพาะ แต่ “แม่ปุ๊ก” ก็ไม่รับข้อเสนอ ส่วนเฟซบุ๊กของแม่ก็เริ่มปิดบ้างเปิดบ้างจนผิดสังเกต จนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ “แม่ปุ๊ก” วางยาลูกทั้งสองคนเพื่อขอเงินบริจาค

โดย เบื้องต้น “แม่ปุ๊ก” ถูกแจ้งข้อหารับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชน

สำหรับคดีนี้กองบังคับการปราบปรามรวบรวมพยานหลักฐานมากว่า 1 เดือน จนเมื่อมีข้อมูลว่า ผู้ต้องหาเตรียมจะอุปถัมภ์เด็ก มาอีก 2 คน ทำให้ต้องเร่งจับกุมตัว ส่วนคดีแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกง และคดีที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กทั้ง 2 คน

ในส่วนของคดีฉ้อโกง ผู้ต้องหา รับสารภาพ และเจ้าหน้าที่พยายามประสานผู้เสียหาย 700-800 คน แต่ได้รับการตอบกลับเพียง 10 กว่าคน นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อโกง ยังทราบว่า ผู้ต้องหาเคยไลฟ์สดเกี่ยวกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของเด็กด้วย ส่วนคดีการเสียชีวิตของเด็กทั้ง 2 คน แม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธ ก็มั่นใจในพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญบางอย่างที่ได้จากบ้านของผู้ต้องหา

 

 

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ