คนที่เคยบริจาค เผยผิดหวัง "แม่ปุ๊ก" หลอกรับเงินช่วยลูก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม จับกุม “แม่ปุ๊ก” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และฉ้อโกงประชาชน หลังจากมีผู้เสียหาย ร้องเรียนว่าผู้ต้องหา โพสต์ข้อความเปิดรับบริจาคเงินและหลอกขายสินค้า ทีมข่าวพีพีทีวีพูดคุยกับหนึ่งในคนที่เคยบริจาคเงินให้ “แม่ปุ๊ก” เล่าว่า สงสารเด็กทั้งสองคน เคยซื้อของแต่ไม่ได้รับสินค้า แต่ไม่คิดว่าจะถูกโกง

ผู้ที่ติดตามและบริจาคเงิน “แม่ปุ๊ก” ซึ่งอ้างว่า เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกสาวและลูกชาย 2 คน เล่าว่า ติดตามอ่านเรื่องราวที่ “แม่ปุ๊ก” โพสต์ลงเฟซบุ๊กมาประมาณ 3 ปีแล้ว รู้สึกสงสารและเห็นใจ เคยโอนเงินทำบุญให้ครั้งละ 200-300 บาท รวมทั้งหมดประมาณ 2,000 บาท

คดีเหี้ยม !! รับเด็กมาเลี้ยง วางยาเด็ก ขอรับบริจาค สุดท้ายเด็กตาย

พฤติกรรมของ “แม่ปุ๊ก” แต่ละครั้งที่ขอรับบริจาค จะโพสต์รายละเอียดครบถ้วน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา หรือ ค่าอาหาร ทำให้แฟนเพจหลายคนที่ติดตามโอนเงินให้

นอกจากขอรับบริจาคเป็นเงินแล้ว “แม่ปุ๊ก” ยังนำสินค้ามาขาย เช่น กิ๊ฟหนีบผม โถชักโครกเด็ก มีคนใจบุญติดต่อซื้อจำนวนมาก ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยสั่งซื้อโถชักโครกเด็กราคา 150 บาท แต่ยังไม่ได้รับของและพยายามติดต่อแต่ “แม่ปุ๊ก” อ้างว่า ติดธุระต้องเฝ้าลูกที่ป่วยอยู่ จึงไม่ได้ทวงถามต่อ จนมารู้ภายหลังว่ามีคนไม่ได้สินค้าจำนวนมาก ก็รู้สึกเหมือนถูกโกง และรับไม่ได้ที่นำเอาเด็กมาหาเงิน 

ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านของ “แม่ปุ๊ก” ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น บริเวณหน้าบ้านมีรถจักรยานยนต์ 2 คัน พบพ่อของ “แม่ปุ๊ก” ให้ข้อมูลว่าหลัง “แม่ปุ๊ก” ถูกจับกุมก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะเร่งหาเงินไปยื่นประกันตัวประมาณ 3 แสนบาท

พร้อมบอกว่า อาการป่วยของหลานทั้งคู่ต่างกันโดย เด็กหญิง มีอาการแพ้ นม ไข่  ถั่วเหลือง ฝุ่น และแดด มักจะมีผื่นคันขึ้น และเหนื่อยหอบ

ผู้บริจาคแฉพฤติกรรม “แม่ปุ๊ก” อ้างเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เรียกความสงสารขอเงินบริจาค

ส่วนเด็กชาย ไม่เคยป่วยอะไรเลย แต่ที่ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เพราะหมอที่รักษาเรื่องภูมิแพ้ให้ไปตรวจว่ามีอาการเดียวกันหรือไม่ เพราะเด็กกินปลาหมึกแล้วเกิดอาการผื่นขึ้น จึงเข้าใจว่าอาจจะแพ้อาหารทะเล  

นอกจากนี้ พ่อของ “แม่ปุ๊ก” ยังพูดถึงเรื่องเงินบริจาค 20 ล้านว่า หากมีเงินจำนวนดังกล่าวจริง ก็คงไม่ต้องมาอยู่อาศัยบ้านแบบนี้ เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านทางพ่อเป็นคนออกเองทั้งหมด  

เพื่อนบ้านเผย "แม่ปุ๊ก" เป็นคนจิตใจดี-รักเด็ก

ด้านเพื่อนบ้าน “แม่ปุ๊ก” บอกว่า ก่อนหน้านี้ “แม่ปุ๊ก” อยู่ที่อื่น และกลับมาอยู่ที่นี่พร้อมกับลูกสาว ปกติเด็กเป็นคนขี้โรคแพ้ง่ายไปโรงเรียนได้ไม่กี่วันก็ป่วย ซึ่งยังเคยขับรถไปส่ง 2 แม่ลูกไปหาหมอ เพราะบ้าน “แม่ปุ๊ก” ไม่มีแต่รถจักรยานยนต์

ส่วนกรณีของลูกชายคนเล็ก เพื่อนบ้านบอกว่า ไม่ได้สังเกตว่า “แม่ปุ๊ก” อุ้มท้องเองหรือไม่ เพราะปกติเธอเป็นคนรูปร่างท้วม มาเห็นอีกทีก็มีลูกชายแล้ว ตลอดเวลาก็เห็นว่าครอบครัวนี้รักเด็กดี ไม่เคยตี 

ส่ง DNA ตรวจพิสูจน์ความเป็นแม่-ลูก คาดรู้ผลสัปดาห์หน้า

ด้าน พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยถึงคดี “แม่ปุ๊ก” ว่าขณะนี้มีความคืบหน้าในส่วนของสำนวนบางส่วนบางแล้ว เดิมทีคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง จึงเสนอโอนคดีมายังตำรวจกองบังคับการปราบปราม ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ 

โดยเบื้องต้นตำรวจตั้งข้อสงสัยกว่า 20 ประเด็นโดยเฉพาะประเด็นเด็กชายวัย 2 ขวบ เป็นบุตรแท้ ๆ ของ “แม่ปุ๊ก” จริงหรือไม่ แม้ว่าในใบสูติบัตรจะมีการยืนยันว่า “แม่ปุ๊ก” เป็นมารดาตามกฎหมายก็ตาม

สาเหตุที่ทำให้เกิดข้อสงสัย ตำรวจระบุว่า ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติของผู้เป็นแม่ เพราะช่วงที่ลูกชายคนเล็ก มีอาการป่วยหนักตามธรรมชาติของคนเป็นแม่ทั่วไปจะต้องเพิ่มความเอาใจใส่ดูแลลูกมากขึ้น จนไม่มีเวลาคิดหรือทำอย่างอื่น แต่ “แม่ปุ๊ก” กลับสนใจหรือมุ่งแต่ถ่ายคลิปวิดีโอโพสต์ข้อความลงในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างกระแส และมุ่งหวังยอดเงินบริจาค

และยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า เมื่อลูกชายคนเล็กเข้ารับการรักษากับแพทย์ จนอาการดีขึ้นเกือบเป็นปกติ แล้วกลับไปอยู่กับ “แม่ปุ๊ก” ได้ไม่นานก็มีอาการทรุดลงอีก

นอกจากนี้เด็กแสดงอาการหวาดกลัวไม่อยากเข้าใกล้ เช่น เวลาที่ “แม่ปุ๊ก” โทรศัพท์ติดต่อมาหาลูกชายขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เด็กก็จะกดตัดสายทิ้งไม่ยอมพูดคุยด้วย ซึ่งผิดธรรมชาติของเด็กในวัย 2 ขวบที่มักจะติดแม่ไม่ยอมให้ห่างตัว โดยเฉพาะกรณีแม่เลี้ยงเดี่ยว

อีกข้อสงสัยคือเรื่องพ่อของเด็ก ที่เมื่อสอบถาม “แม่ปุ๊ก” กลับไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ อ้างว่าก่อนจะตั้งครรภ์ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วพบชายหนุ่มคนหนึ่ง จนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งและคบหากันแค่ 3 วัน ก่อนจะเลิกรา โดยไม่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์  และไม่เคยไปฝากท้องกับทางโรงพยาบาล

สอดคล้องกับพยานใกล้ชิด “แม่ปุ๊ก” ที่ส่วนใหญ่ยืนยันว่า ไม่เคยเห็นตั้งครรภ์มาก่อน แต่มาทราบเรื่องที่หลังตอนที่พาลูกชายกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว  ซึ่งตำรวจมองว่าคำกล่าวอ้างของ “แม่ปุ๊ก” ไม่สมเหตุสมผล จึงเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของทั้ง “แม่ปุ๊ก” และ “ลูกชาย” ส่งตรวจพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์แล้ว คาดว่าจะทราบผลภายในสัปดาห์หน้า 

ส่วนกรณี “แม่ปุ๊ก” มักกล่าวอ้างว่ามีอาชีพเป็นเภสัชกร การตรวจสอบประวัติพบว่า เคยเรียนเภสัชกรอยู่ 3 ปี แต่ไม่จบ การตรวจสอบบัญชีธนาคารที่เปิดรับบริจาคนั้น เบื้องต้นพบว่า มี 4 บัญชี ในจำนวนนี้ 3 บัญชี ถูกเปิดในชื่อของแม่แท้ ๆ ของเด็กหญิง ลูกสาวบุญธรรมที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ส่วนอีก 1 บัญชีเปิดในชื่อของ “แม่ปุ๊ก” พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีทั้งหมดมากถึงเกือบ 20 ล้านบาท

เมื่อตรวจสอบไปยัง แม่แท้ ๆ ของเด็กหญิงที่เสียชีวิต ได้รับการชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ “แม่ปุ๊ก” ติดต่อมาหาเพื่อขอให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคารให้ อ้างว่าจะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการทำประกันให้กับเด็กหญิง จึงหลงเชื่อโดยไม่ทราบว่าจะนำไปใช้หลอกรับบริจาคเงินและใช้ขายสินค้าออนไลน์  ซึ่งส่งผลให้แม่แท้ๆของเด็กหญิงถูกผู้เสียหายบางรายแจ้งความดำเนินคดีด้วย

ย้อนไทม์ไลน์ “น้องอิ่มบุญ-น้องอมยิ้ม” ถูกแม่วางยา หวังเงินบริจาค 20 ล้าน

ส่วนสาเหตุการฉ้อโกงเงินบริจาคนั้น ตำรวจเชื่อว่ามาจากปัญหาหนี้สิน หรือการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากของ “แม่ปุ๊ก” เพราะก่อนหน้านี้ทาง “แม่ปุ๊ก” ก็มีปัญหาด้านเงินพอสมควร และการตรวจสอบประวัติค่ารักษาพยาบาลของลูกสาวที่เสียชีวิต พบมียอดค่ารักษาเพียง 1 ล้านบาท แต่ยอดเงินบริจาคที่ได้รับในเวลานั้นเข้ามาหลายล้านบาท ซึ่งทางตำรวจจะตรวจสอบการเงินในบัญชีอย่างละเอียดอีกครั้ง

มีรายงานว่า ในวันนี้ (24 พ.ค.2563) เวลา 11.00 น.  จะมีการแถลงข่าวการจับกุมคดี "แม่ปุ๊ก ที่กองปราบปราม

กองปราบ ตรวจบัญชี “แม่ปุ๊ก” พบเงินหมุนเวียน 20 ล้าน - ส่งดีเอ็นเอพิสูจน์ความเป็นแม่ลูก

เปิดพิรุธ “แม่ปุ๊ก” ไม่ใช่แม่ตัวจริงส่งพิสูจน์ดีเอ็นเอ

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ