กองปราบ เร่งขยายผลคดี“แม่ปุ๊ก” พบเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้าน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จากกรณีการจับกุม “แม่ปุ๊ก” หลังมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตอย่างผิดปกติของลูกคนโตวัย 4ขวบ และลูกคนเล็กวัย 2 ขวบ ที่ล้มป่วยด้วยอาการผิดปกติในลักษณะเดียวกัน ล่าสุดทางตำรวจกองปราบได้เรียกประชุมทีมสืบสวนเพื่อเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว หลังพบพิรุธเส้นทางการเงินของแม่ปุ๊ก โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 20 ล้าน และไม่สอดคล้องกับค่ารักษาพยาบาล

คดีของ แม่ปุ๊ก วันนี้ 25 พ.ค. 2563 มีความเคลื่อนไหวในแง่ของพนักงานสืบสวนสอบสวนโดยมีการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่รวบรวมมาได้

คนที่เคยบริจาค เผยผิดหวัง "แม่ปุ๊ก" หลอกรับเงินช่วยลูก

โดยพ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ระบุว่า ยังมีหลายประเด็นที่ต้องตรวจความเรียบร้อย อาทิ ข้อมูลการสอบสวนที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ อาจต้องนำมาทบทวนให้รัดกุมหรือให้ครบถ้วนสมบูรณ์อีกครั้ง เพราะเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ

ขณะนี้ก็ยังรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากพยานหลักฐานต่างๆที่ส่งไปตรวจหลายตัวอย่าง เช่น สารเคมีที่พบเจอในบ้านพักว่าตรงกับสารเคมีที่เด็กได้รับหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาซักระยะพร้อมยืนยันว่าหากพยานหลักฐานไปถึงใครตำรวจพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย เพราะแม้หลายฝ่ายมองว่าพ่อและแม่ ของแม่ปุ๊กอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แต่ตำรวจต้องยึดตามพยานหลักฐานและไม่ใช้อารมณ์ตัดสินไปตามกระแสสังคม

นอกจากนี้ ทางตำรวจได้สืบสวนพบเส้นทางการเงินจนพบว่าบัญชีในชื่อ “แม่เอม” เกี่ยวข้องกับการรับบริจาคเงินและเมื่อขยายผลพบว่ามีผู้เสียหายสั่งซื้อของกับแม่ปุ๊กแล้วไม่ได้รับสินค้าจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับจนกลายเป็นที่มาของการจับกุมครั้งนี้ ซึ่งเงินที่หมุนเวียนในบัญชีดังกล่าวรวม 5 ฉบับ เป็นชื่อของ แม่เอม  3 ฉบับ ที่แม่ปุ๊กเป็นผู้ไปเปิดบัญชีเอง และเป็นบัญชีของ แม่ปุ๊ก 2 ฉบับ รวมยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีทั้งหมดประมาณ 15-20 ล้านบาท

กองปราบ ตรวจบัญชี “แม่ปุ๊ก” พบเงินหมุนเวียน 20 ล้าน - ส่งดีเอ็นเอพิสูจน์ความเป็นแม่ลูก

ขณะเดียวกันข้อมูลทางการแพทย์ ระบุว่า โรคประหลาดที่แม่ปุ๊กอ้างว่าลูกทั้งสองป่วยนั้นไม่มีอยู่จริง ส่วนอาการป่วยของเด็กซึ่งมีร่องรอยแผลไหม้ที่ปากนั้น ชัดเจนว่าเป็นการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานเข้าไป ไม่ใช่โรคทางพันธุกรรมตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ซึ่งแพทย์ยืนยันข้อเท็จจริงมาแล้ว อีกทั้งตำรวจได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านและพบสารเคมีเป็นของเหลวต้องสงสัยบางอย่าง

ซึ่งกำลังส่งตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ตรงกับที่แพทย์ให้ข้อมูลเรื่องอาการของเด็กหรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ยืนยันว่าตำรวจมีหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดจริง ทั้งนี้พบว่ายอดเงินบริจาคที่ได้รับไม่สอดคล้องกับค่ารักษาอาการเด็กอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องตรวจสอบเชิงลึกอย่างละเอียดอีกครั้ง

เพื่อนบ้านเชื่อ“น้องวัย 2ขวบ”เป็นลูกแม่ปุ๊กจริง เผยเคยเห็นท้องโต

ส่วนประเด็นที่ว่าลูกคนเล็กวัย 2 ขวบ ที่แม่ปุ๊กโพสต์รูปและคลิปเกี่ยวกับอาการป่วยด้วยโรคประหลาดเพื่อขอรับเงินบริจาคค่ารักษาพยาบาล จะเป็นลูกแท้ๆของแม่ปุ๊กหรือไม่ โดยกำลังอยู่ระหว่างรอผลตรวจดีเอ็นเอ

ล่าสุดทีมข่าวพีพีทีวี ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับเพื่อนบ้านของแม่ปุ๊กโดยเชื่อมั่นว่าน้องวัย 2 ขวบเป็นลูกแท้ๆ เพราะเคยเห็นแม่ปุ๊กท้องโตก่อนคลอดเด็ก

ทีมข่าวพีพีทีวี ลงพื้นที่บ้านของแม่ปุ๊กในแขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ พบว่าไม่มีคนอยู่บ้าน แต่จากการสอบถามเพื่อนบ้านบอกว่า พ่อและพี่ชายของแม่ปุ๊ก ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า

ส่วนประเด็นที่ว่าลูกคนเล็กวัย 2 ขวบเป็นลูกของใคร เพื่อนบ้านหลายคนยืนยันว่าเคยเห็นแม่ปุ๊กท้องจริง โดยเพื่อนบ้านรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ใกล้บ้านแม่ปุ๊กมาเกือบ 20 ปี เปิดเผยกับทีมข่าวบอกว่า มั่นใจว่าน้องคนเล็กวัย 2 ขวบ เป็นลูกแท้ๆของแม่ปุ๊ก เพราะช่วงเวลาที่เห็นแม่ปุ๊กท้องโตเป็นช่วงประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งไทม์ไลน์ตรงกับช่วงที่ใกล้จะคลอดลูกพอดี และหลังจากที่พาลูกมาอยู่บ้าน ท้องของแม่ปุ๊กก็ยุบลง

เพื่อนบ้านรายนี้ บอกอีกว่าจากที่ตัวเองรู้จักแม่ปุ๊กและครอบครัว เป็นคนรักเด็กมาก จนถึงขนาดเคยมีชาวบ้านมารับจ้างฝากเลี้ยงลูก จึงไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้วางยาลูกทั้ง 2 คน แต่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานของตำรวจ เพราะตนเองก็รู้จักแม่ปุ๊กเท่าที่เห็นภายนอกเท่านั้น  ไม่ได้ล่วงรู้ไปถึงข้างในจิตใจข้างใน

คดีเหี้ยม !! รับเด็กมาเลี้ยง วางยาเด็ก ขอรับบริจาค สุดท้ายเด็กตาย

อธิบดีกรมกิจการเด็กฯ เผยน้องวัย 2 ขวบอาการดีขึ้น-ทานข้าวได้

ด้านนางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่น้องวัย 2 ขวบ ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์จนอาการดีขึ้น แล้ว ซึ่งขณะนี้เด็กอยู่ในความดูแลคุ้มครองสวัสดิภาพของกรมกิจการเด็กและเยาวชน ซึ่งอยู่ในที่ที่ปลอดภัย

ทั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งศาลที่สั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ตามที่ทีมสหวิชาชีพยื่นคำขอเนื่องจากเห็นว่าเด็กอาจได้รับอันตรายหากอยู่ในความดูแลของมารดา ขณะนี้เด็กมีสุขภาพดี กินได้ปกติ ด้านสุขภาพไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

กรมกิจการเด็กและเยาวชน จะมีการประชุมร่วมกับทีมสหวิชาชีพในเร็วๆ นี้เพื่อร่วมกันประเมินอาการด้านร่างกายรวมถึงสภาพจิตใจของเด็กอีกครั้ง ซึ่งผลการตรวจดีเอ็นเอที่อยู่ระหว่างพิสูจน์ว่าเด็กเป็นลูกของผู้ต้องหาจริงหรือไม่ ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย

ทั้งนี้หากผลตรวจดีเอ็นเอระบุว่าเป็นลูกจริง ก็ต้องดูว่าเด็กจะอยู่ในความเลี้ยงดูของใคร ในขณะที่แม่กำลังถูกดำเนินคดีก็ต้องประเมินว่าตา-ยายมีความพร้อมและมีความผูกพันที่จะเลี้ยงดูเด็กหรือไม่ และหากไม่ใช่เป็นลูกจริง ก็ต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้การยกบุตรให้ผู้อื่นดูแลเป็นอีกประเด็นที่อยากย้ำเตือนว่า ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายในการยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งสามารถติดต่อกรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีนำเด็กไปแสวงหาผลประโยชน์หรือเกิดการซื้อขายเด็กโดยผิดกฎหมาย

ผู้บริจาคแฉพฤติกรรม “แม่ปุ๊ก” อ้างเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เรียกความสงสารขอเงินบริจาค

ย้อนไทม์ไลน์ “น้องอิ่มบุญ-น้องอมยิ้ม” ถูกแม่วางยา หวังเงินบริจาค 20 ล้าน

เปิดพิรุธ “แม่ปุ๊ก” ไม่ใช่แม่ตัวจริงส่งพิสูจน์ดีเอ็นเอ

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ