จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการซื้อของของพวกเราหลายคนเปลี่ยนไปซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น จากคนที่ไม่เคยซื้อของออนไลน์ก็กลายเป็นซื้อของออนไลน์ได้คล่องแคล่ว เป็น New Normal ใหม่ที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ยังเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก ตลาดขายของออนไลน์จึงเฟื่องฟูอย่างมากในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้
เนเธอร์แลนด์ พบผู้ติดโควิด-19 จากตัว “มิงก์” รายที่ 2
รัฐบาลดูไบจึงตัดสินใจเดิมพันกับแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดออนไลน์ที่คาดว่าจะยังคงเติบโตแม้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยเตรียมเปิดเขตการค้าเสรีใหม่สำหรับการค้าอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ มีชื่อว่า "Dubai Commercity" ซึ่งจะเป็นฐานสำหรับผู้ค้าออนไลน์
โครงการดังกล่าวมีการลงทุนมูลค่า 3.2 พันล้านดีแรห์มอาหรับเอมิเรตส์ (ราว 2.8 หมื่นล้านบาท) วางแผนสร้างอยู่ติดกับสนามบินนานาชาติดูไบ เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง 2 รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเขตปลอดอากรสนามบินดูไบ (DAFZA) และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Wasl โดยผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด-19 กำลังกระตุ้นโครงการให้เดินไปข้างหน้ามากกว่าจะชะลอให้ช้าลง
โมฮัมเหม็ด อัล ซารูนี (Mohammed al Zarooni) อธิบดี DAFZA กล่าวว่า “ความต้องการบริการอีคอมเมิร์ซทั้งโลกไม่เคยยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตในภูมิภาคตะวันออกกลาง และได้รับแรงฉุดจากลูกค้าที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19”
ปธน.บราซิล เยี่ยมผู้ชุมนุมต้านล็อกดาวน์ เมินยอดติดโควิด-19 พุ่งอันดับ 2 โลก
ณ พื้นที่กว่า 2.1 ล้านตารางฟุต (ราว 122 ไร่) “เมืองใหม่” แห่งนี้ จะมีขนาดประมาณสถานีแกรนด์เซ็นทรัลในนิวยอร์ก หรือประมาณสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ในบ้านเรา และแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มธุรกิจ กลุ่ม โลจิสติกส์ และกลุ่มสังคม
กลุ่มธุรกิจนี้จะมีอาคารสำนักงาน 12 แห่ง ซึ่งรับประกันสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและการออกแบบที่ยั่งยืนสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่มีขนาดแตกต่างกัน
โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำหลายแห่งที่จะเข้ามาทำสัญญาใช้พื้นที่เมืองแห่งใหม่ กลุ่มผู้ค้าปลีกที่จะมีในเมืองใหม่นี้ ได้แก่ ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องประดับ และร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผู้เช่าใน “Commercity” จะไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้หรือภาษีนิติบุคคล
สำหรับพื้นที่กลุ่มโลจิสติกส์ ลูกค้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าที่ใช้ระบบ AI อัตโนมัติ และพื้นที่กลุ่มสังคมจะมีร้านอาหารและร้านกาแฟให้บริการ
คาดว่าอาคารหลังแรกจะเปิดบริการในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะทยอยเปิดส่วนอื่น ๆ ตามขั้นตอนจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2023
โควิด-19 ในสเปน เริ่มคลี่คลาย จ่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก.ค.นี้
นักพัฒนาของ "Commercity" มีความมั่นใจว่า การลงทุนในอีคอมเมิร์ซจะคุ้มค่า เนื่องจากตลาดออนไลน์จะโตระเบิดแม้หลังวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้ว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตตลาด BMI ระบุว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคตะวันออกกลางคาดว่าจะมีมูลค่า 4.86 หมื่นล้านดอลลารสหรัฐ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2022 เพิ่มขึ้นจาก 2.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.6 แสนล้านบาท) ในปี 2018 โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และซาอุดิอาระเบีย จะเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ
ขณะเดียวกัน การวิจัยของ DAFZA เองพบว่า อีคอมเมิร์ซในภูมิภาค MENASA (ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เติบโตขึ้นในอัตรา 24.6%
เมห์รนอช ชาเฟีย (Mehrnoush Shafiei) นักวิเคราะห์จาก Euromonitor กลุ่มวิจัย กล่าวว่า ภาคออนไลน์นี้มีการเติบโตจากฐานที่ต่ำ “ผู้ค้าปลีกความงามรายใหญ่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีระบบการชอปปิงออนไลน์ที่พัฒนาดีที่สุดบอกว่า ยอดขายมาจากช่องทางออนไลน์เพียง 1% ส่วนที่เหลือมาจากร้านค้าทั่วไป”
อย่างไรก็ตาม การเติบโตขึ้นของตลาดออนไลน์และอีคอมเมิร์ซทั่วโลกที่ค่อนข้างมหาศาล ก็อาจทำให้การชอปปิงออนไลน์น่าจะกลายเป็น New Normal ใหม่ในสังคมภูมิภาคตะวันออกกลางได้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า “ประเทศ “พร้อมแล้วสำหรับการแปลงเป็นดิจิทัล” เทคโนโลยีก็มีแล้ว การสนับสนุนจากรัฐก็มีแล้ว และผู้คนก็พร้อมรับมัน”
ชาเฟียมองว่า การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซมักถูกจำกัดด้วยพื้นที่สำหรับจัดเก็บสต็อกที่น้อย การขนส่งมอบสินค้าที่ล่าช้า หากเขตการค้าใหม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ผลลัพธ์อาจออกมาดี
“ถ้า “Commercity” สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ก็คาดว่าการเติบโตจะเป็นไปแบบพุ่งกระฉูด” ชาเฟียกล่าว
"ญี่ปุ่น" ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ
เรียบเรียงจาก CNN