อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 27 พ.ค. 63
อัปเดตข่าวสถานการณ์ โควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 27 พ.ค. 63
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 วันนี้ 27 พ.ค. 2563 เริ่มต้นขึ้นด้วยการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก.ที่เกี่ยวข้องกับการเงินรวม 3 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 8.9 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางมาตรการคุมเข้มการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยมีการเว้นเก้าอี้ให้ ส.ส. นั่งห่างกันตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing และเปิดชั้นลอยให้ ส.ส. ที่ไม่มีคิวอภิปรายขึ้นไปนั่งฟังการอภิปรายด้านบน พร้อมกับมีการกำชับให้ ส.ส.ทุกคน สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องประชุมพระสุริยัน
วิปรัฐบาล มั่นใจอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน จบภายใน 5 วัน
เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงเหตุผลและความจำเป็นการเสนอ พ.ร.ก.การเงิน ทั้ง 3 ฉบับ โดยยืนยันความจำเป็นเร่งด่วนในการรับมือผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณปกติทุกวิถีทาง แต่ยังไม่เพียงพอในการช่วยเหลือประชาชน การใช้ พ.ร.ก. จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อความมั่นคงปลอดภัยทางเศรษฐกิจ และสังคม
พล.อ.ประยุทธ์ ยังยืนยันว่า การกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ไม่มีผลกระทบต่อหนี้สาธารณะ เพราะกระทรวงการคลังได้จะทำแผนชำระหนี้อย่างเป็นระบบ และได้กำชับให้การใช้จ่ายเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ไม่เชื่อว่าประเทศไทยชนะ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวไว้ เพราะประชาชนที่ไม่มีรายได้ ยังเดือดร้อนตามเดิม พร้อมมองว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการช่วยเหลือนายทุนมากกว่าประชาชน แต่พรรคก้าวไกล ไม่คัดค้าน พ.ร.ก.กู้เงิน แต่ควรบริหารจัดการให้เป็นระบบ และควรช่วยเหลือประชาชนที่เป็นคนชดใช้หนี้ก้อนนี้ อย่างทั่วถึง ไม่ใช่การแบ่งเค้กกันเอง
ส่วนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่อภิปรายก่อนหน้านี้ โดยย้ำว่า พรรคฝ่ายค้าน ไม่มีปัญหาการกู้เงินของรัฐบาล แต่ควรมีการตรวจสอบการใช้เงินให้มีความโปร่งใส และทั่วถึงประชาชนทุกคน
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติแจง พ.ร.ก.กู้เงิน ไม่สร้างภาระให้คนไทยในอนาคต
ขณะที่ข้อสังเกตต่าง ๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ร่วมรับฟังกว่า 4 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ ก็พร้อมรับข้อเสนอแนะไปปรับแก้ แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามถึงเงื่อนไขที่ พรรคฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ มาติดตามตรวจสอบ
สำหรับการอภิปราย พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ จะใช้เวลาถึง 15.00 น. วันที่ 31 พ.ค. รวม 5 วัน หากพิจารณาจากจำนวน ส.ส. ในสภาฯ ทั้งหมด 487 คนเวลานี้ พบว่า เสียงของรัฐบาลยังเป็นเสียงข้างมากในสภา 275 เสียง ขณะที่ 6 พรรคฝ่ายค้าน เหลือเสียงในสภา 212 คน เท่านั้น ถือเป็นการทิ้งห่างครั้งแรกนับตั้งแต่เป็นรัฐบาลมาและเปิดสมัยประชุมสภา หลังก่อนหน้านี้เสียงปริ่มน้ำมาโดยตลอด กระทั่งพรรคอนาคตใหมถูกยุบ
ขณะที่เป้าหมายของการอภิปราย 5 วัน 6 พรรคฝ่ายค้าน จะเตรียมเสนอญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหาภายใต้วิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยให้เหตุผลว่าไม่เชื่อมั่นการตรวจสอบของคณะกรรมการกลั่นกรองของรัฐบาล และควรมีกรรมาธิการมาทำงานตรวจสอบคู่ขนาน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งแนวทางนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มว่าจะเห็นด้วยให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการมาติดตามตรวจสอบการใช้ พ.ร.ก.ทั้งหมด
“สนธิรัตน์ “เชื่อรัฐบาลผ่านฉลุยศึกซักพ.ร.ก.กู้เงินฯ โควิด-19
