อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 27 พ.ค. 63
อัปเดตข่าวสถานการณ์ โควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 27 พ.ค. 63
ผู้ที่ร้องเรียนโดนใบสั่ง 7 ใบคือ นายศุภลักษณ์ โรจนะประเสริฐกิจ เจ้าของร้านจักรยานยนต์เมืองศรีราชา จ.ชลบุรี นำเอกสารหลักฐานใบสั่งรถยนต์ทั้งหมดมาให้ทีมข่าวดู เล่าว่าตนไม่สบายใจหลังมีเอกสารส่งมาให้ไปเสียค่าปรับเหตุขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดถึง 7 ใบด้วยกัน โดยมีภาพถ่ายยืนยันเป็นรถเก๋งฮอนด้า CRV สีขาว หมายเลขทะเบียน งจ 3151 ชลบุรี แนบมาด้วย
นายศุภลักษณ์ ยืนยันว่า รถยนต์เก๋งคันนี้ขับอยู่แต่ในอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ไม่ได้เดินทางไปต่างจังหวัดสถานที่ดังกล่าวที่ถูกระบุในใบสั่งเลย และเมื่อตรวจสอบรูปภาพที่ส่งมาพบว่ามีจุดสังเกตรถยนต์ที่ไม่เหมือนกันคือ ตรงแผ่นป้ายทะเบียนรถของตนเองจะมียี่ห้อรถติดอยู่ รวมทั้งบริเวณคิ้วประตูด้านข้างจะไม่เหมือนกัน หลังโดยใบสั่งครั้งแรก ตนจึงไปแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรศรีราชา เพื่อเป็นหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่หลังจากนั้นเรื่องกลับไม่จบ ถูกใบสั่งตามมา อีก 6 ใบถึงบ้าน
จากนั้นจึงตัดสินใจโทรไปปรึกษาคอลเซ็นเตอร์ ตำรวจทางหลวง กลับได้รับคำตอบว่า “ให้ไปเปลี่ยนทะเบียนเอง จะง่ายกว่า” ซึ่งตอนนี้ตนเองก็ไม่ได้ไปจ่ายเงินเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด คาดว่าน่าจะมีพวกมิจฉาชีพนำทะเบียนไปสวม
เจ้าของรถระบุว่าใบสั่งครั้งแรก ระบุวันที่ 29 มี.ค.2563 เวลา 17.17 น.เหตุเกิดที่ ถนนกาญจนาภิเษก ตำบลคลองสี่ อ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ใช้ความเร็วไป 134 กม./ชม.
ครั้งที่ 2 วันที่ 3 เม.ย. 2563 เวลา 14.36 น.เหตุเกิดที่ ถนนพระราม 2 แขวงแพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ใช้ความเร็วไป 152 กม./ชม.
ครั้งที่ 3 เหตุเกิดที่ทางหลวง 32 กม.ที่ 45 ขาออก อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้ความเร็วไป 140 กม./ชม.
ครั้งที่ 4 ระบุ วันที่ 15 เม.ย.2563 เวลา 14.53 น.เหตุเกิดที่ถนนเพชรเกษม อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ใช้ความเร็วไป 142 กม./ชม.
ครั้งที่ 5 ระบุวันที่ 15 เม.ย.2563 เวลา 16.06 น.เหตุเกิดที่ ถนนพระราม 2 อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ใช้ความเร็วไป 122 กม./ชม.
ครั้งที่ 6 วันที่ 15 เม.ย.2563 เวลา 19.45 น.เหตุเกิดที่ ถนนสายเอเชีย กม.ที่ 7 อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้ความเร็วไป 142 กม./ชม.
และครั้งล่าสุดครั้งที่ 7 ระบุวันที่ 16 เม.ย.2563 เวลา 16.45 น.เหตุเกิดที่ ถนนทางหลวงหมายเลข 32 (เอเชีย) อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ใช้ความเร็วไป 154 กม./ชม.
นายศุภลักษณ์ ระบุอีกตนได้เข้าแจ้งความตำรวจและนำเรื่องราวมาเปิดเผย เนื่องจากตนเองและครอบครัวเกรงว่ารถยนต์ของตนเองจะถูกสวมทะเบียนโดยมิจฉาชีพ ซึ่งเบื้องต้นความผิดในการขับรถเร็วนั้นยังไม่กังวลมากเท่าไร แต่ถ้ามีใครนำรถยนต์คันดังกล่าวที่มีทะเบียนเหมือนของตนเองไปก่อเหตุร้ายแรงขึ้นมา ตนเองและครอบครัวเกรงว่าจะได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้ตำรวจติดตามรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบ ซึ่งทางครอบครัวจะมอบเงินสดจำนวน 10,000 บาทให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส หรือสามารถจับกุมรถยนต์คันนี้มาดำเนินคดีให้เป็นน้ำใจด้วย