ถังน้ำมันขนาด 200-1000 ลิตร และแกลลอนน้ำมัน รวมถึงตะกอนของเสียที่กองอยู่ภายในโรงงานจำนวนมาก เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่จากอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบภายในโรงงานวินโพรเสส ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบ ตามคำสั่งของกระทรวงอุตสาหกรรม
ชาว"หนองพะวา"เปิดหลักฐาน เชื่อโรงงานระยองปล่อยน้ำเสีย
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีกำนัน ชาวบ้าน ร่วมสังเกตการณ์ นอกจากนั้นยังมี นายโอภาส บุญจันทร์เจ้าของโรงงานร่วมด้วย ชาวบ้านหลายคนระบุว่านี่เป็นครั้งแรกที่นายโอภาสร่วมลงพื้นที่กับชาวบ้าน และ อุตสาหกรรมจังหวัด
โดยนำมาสู่แนวทางแก้ไขปัญหา 3 อย่างที่อุตสาหกรรมจังหวัดระยองสรุปไว้ คือ พิจารณาให้โรงงานทำแผนขนย้ายวัตถุอันตราย , จัดเวรตรวจสารเคมีภายในโรงงานแบบวันเว้นวัน ตรวจว่ามีการนำสารเคมีหรือวัตถุอันตราย เข้ามาเพิ่มในพื้นที่หรือไม่ และเก็บตัวอย่างน้ำทั้งในและนอกโรงงาน
ย้อนไทม์ไลน์ 10 ปี ชาวบ้านทนสภาพ "วินโพรเสส" ปล่อยน้ำเสีย
นอกจากนี้ระบุถึง ข้อกฎหมายที่เอาผิดโรงงานไปแล้ว คือฐานความผิดมีการครอบครองน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน2ปี หรือปรับไม่เกิน2แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจ้าของโรงงาน ยืนยันไม่ได้ปล่อยน้ำเสีย-ขอสู้ตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ยังระบุด้วยว่า ไม่สามรถเอาผิดโรงงานนี้ ตาม พ.ร.บ.โรงงานใน มาตรา 37 คือ สั่งให้ปรับปรุงโรงงาน และ มาตรา 39 คือ “ผู้ประกอบกิจการโรงงานใดจงใจไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 37 มอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงาน” ได้ เพราะ โรงงานแห่งนี้มีเพียงใบอนุญาตตั้งโรงงาน ไม่มีใบประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 106 คือ
โรงงานรีไซเคิล ที่กำหนดให้คืนสภาพความเป็นกรดหรือด่าง ทำเชื้อเพลิงผสม และล้างภาชนะบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวทำละลาย มีข้อมูลว่าโรงงานนี้เคยขอ แต่อุตสาหกรรมจังหวัดไม่ออกให้ จึงไม่เข้าข่ายที่จะใช้ พ.ร.บ.โรงงาน
นอกจากนี้ยังอธิบายว่า โรงงานแห่งนี้ยังไม่ได้ใบประกอบกิจการประเภท 106 จึงไม่สามารถตรวจสอบในระบบของกระทรวงอุตสาหกรรมได้ และยืนยันว่าดำเนินการแจ้งความไปแล้วในส่วนนี้จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจ
แจ้งความโรงงานปล่อยน้ำเสีย ทำชีวิตชาวหนองพะวาล้มละลาย
ด้าน นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวพีพีทีวี ว่า ลงพื้นที่ตรวจสอบ 2556-2557 ในฐานะ คณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ วุฒิสภา พบว่าโรงงานมีความผิดเป็นที่ประจักษ์หลายอย่าง แต่ที่สั่งปิดโรงงานไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฎิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง มองว่าชาวบ้านสามารถฟ้องตาม มาตรา157 ละเว้นปฎิบัติหน้าที่กับ เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ หากจริงใจในการปฎิบัติงานต้องส่งเรื่องให้ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพิกถอนใบอนุญาตโรงงานนี้ เพราะเกิดปัญหาซ้ำซากส่งผลกระทบกับชาวบ้าน นาน 10 ปี
เจ้าของโรงงาน ปฏิเสธ เป็นต้นตอน้ำเสียทำชีวิตชาวบ้านพัง
