จากกรณีที่ก่อนหน้ามีบางโรงเรียนประกาศกำหนดสีหรือรูปแบบหน้ากากอนามัยให้เข้ากับชุดนักเรียน ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยต่อมาทางกระทรวงศึกษาธิการมีการประกาศระบุอย่างชัดเจนว่าไม่มีนโยบายให้กำหนดให้นักเรียนต้องสวมหน้ากากแบบใด แต่ให้ยึดการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 เป็นหลัก อย่างไรก็ตามล่าสุดที่จังหวัดเชียงใหม่พบว่าโรงเรียนรัฐชื่อดังประจำจังหวัด มีการจัดทำหน้ากากอนามัยที่ติดตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนและอักษรย่อชื่อโรงเรียนออกจำหน่ายในราคาชิ้นละ 50 บาทให้กับนักเรียนในช่วงซื้ออุปกรณ์การเรียนวันที่ผู้ปกครองพานักเรียนไปมอบตัว แม้ว่าโรงเรียนจะระบุว่าไม่มีการบังคับ แต่สร้างความกังวลใจให้กับผู้ปกครองจำนวนมาก เพราะในความเป็นจริงแล้วเมื่อพานักเรียนไปรายงานตัวและซื้ออุปกรณ์กับทางโรงเรียน ย่อมเกิดความเกรงใจ โดยนอกจากทางผู้ปกครองแล้ว
ในส่วนของศิษย์เก่าและอดีตอาจารย์ของโรงเรียน รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องกับโรงเรียนอีกเป็นจำนวนมากต่างรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เนื่องจากมองว่าเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายและเรื่องที่ไม่เหมาะสม โดยได้แสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กรณีนี้อย่างกว้างขวาง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตำหนิมากกว่า เพราะเห็นว่าเป็นการฉวยโอกาสและซ้ำเติมผู้ปกครองมากกว่าจะทำให้นักเรียนรู้สึกภาคภูมิใจในสถาบัน พร้อมทั้งเสนอแนะว่าแทนที่จะคิดเรื่องการทำหน้ากากขาย ควรใช้เวลาพัฒนาการเรียนการสอนมากกว่า
ทางด้าน อดีตครูของโรงเรียนแห่งนี้ แสดงความเห็นว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้ สนับสนุนการที่โรงเรียนต่างๆ รณรงค์ให้นักเรียนสวมใส่หน้ากากป้องกัน แต่ในกรณีที่มีการกำหนดสีหรือรูปแบบของหน้ากากในลักษณะที่เหมือนเป็นการบังคับแล้ว โดยส่วนตัวในฐานะที่เคยสอนอยู่ที่โรงเรียนกว่า30ปีไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะมองว่าปัจจุบันผู้ปกครองมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ขณะเดียวกันในประเด็นนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้มีการประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าห้ามโรงเรียนบังคับเรื่องหน้ากาก ดังนั้นการที่โรงเรียนทำหน้ากากออกขายอาจจะขัดกับนโยบายของกระทรวงก็เป็นได้
อดีตครู ยังบอกอีกว่า หน้ากากอนามัย ไม่ใช่เครื่องแบบนักเรียน แทนที่โรงเรียนจะทำเรื่องนี้ควรจะพิจารณาให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและกระบวนการอบรมสั่งสอน และส่วนตัวเห็นว่าหากเป็นไปได้ในครั้งแรกควรแจกมากกว่า