เปิดใจเหยื่อแอปฯขายของ สินค้าไม่ตรงปก-ให้หาสมาชิกเพิ่ม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หลังจากที่เพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" โพสต์เฟซบุ๊กกรณีมีผู้ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบแอปพลิเคชันขายของทางออนไลน์ชื่อดังเจ้าหนึ่ง ล่าสุดทีมข่าวพีพีทีวี ได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้เสียหายที่เคยซื้อสินค้าจากแอปฯแห่งนี้บอกว่าพอสั่งซื้อสินค้ามาแล้วกลับไม่ตรงปก ไม่เป็นไปตามที่โฆษณา และยังต้องให้หาคนเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มถึงจะเป็นการสร้างรายได้ ขณะที่ดีเอสไอ ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบแอปพลิเคชันดังกล่าวแล้ว

“แหม่มโพธิ์ดำ” เปิดศึกแอปฯขายของ แฝงธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หลอกหาลูกข่ายหักหัวคิวค่าสมาชิก

หนุ่มลาล่ามูฟ ถูก มิจฉาชีพหลอกสั่งซื้อของ-สูญเงิน 2 พันบาท

แปรงสีฟันระบบไฟฟ้าอันนี้ เป็นสินค้าที่สั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ชื่อดังเจ้าหนึ่ง โดยผู้เสียหายเล่าว่า แฟนของเขาตัดสินใจซื้อแปรงสีฟันอันนี้มาในราคา 1,599 บาท เพื่อแลกกับโค้ดลงทะเบียนสมัครสมาชิก ซึ่งด้านหน้ากล่องโฆษณาระบุไว้ว่า หัวแปลงสามารถหมุนทำความสะอาดได้แบบ 360 องศา แต่พอได้รับสินค้ากลับพบว่ามีแค่ระบบสั่นที่ด้านจับเพียงอย่างเดียว ส่วนหัวแปลงไม่สามารถหมุนได้ตามที่โฆษณาไว้

และพอได้รับโค้ดเพื่อลงทะเบียนสมัครสมาชิกแล้ว ต่อมาก็จะถูกชักชวนให้เข้ากลุ่มสัมมนาเพื่อสอนกลยุทธ์ด้านการตลาด แถมยังบอกว่าต้องจ่ายเงินให้กับบริษัททุกเดือนเพื่อคงสภาพการเป็นสมาชิกไว้ และยังต้องหาคนมาสมัครสมาชิกเพิ่มอีกด้วย ซึ่งผู้เสียหายเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่การขายของออนไลน์ตามปกติทั่วไป จึงตัดสินใจไม่ต่ออายุสมาชิก

ขณะที่ผู้เสียหายอีกรายที่เคยเป็นสมาชิก เล่าว่า เธอเห็นเพื่อนในเฟซบุ๊กแชร์ข้อความเชิญชวนให้โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวเพื่อเข้าร่วมขายของออนไลน์ได้ฟรี แต่หลังจากเข้าไปดูรายละเอียดพบว่าต้องเสียค่าสมัครสมาชิก 1,599 บาท เพื่อมีโค้ดเป็นของตัวเอง และสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ฟรี 1 อย่าง ซึ่งเธอเลือกสินค้าเป็นกระทะไฟฟ้า แต่เมื่อได้รับสินค้าแล้วกลับไม่สามารถใช้งานได้จริง และพอลองค้นหาราคาในแอปฯขายของออนไลน์เจ้าอื่นๆ กลับพบว่ากระทะไฟฟ้าแบบนี้ มีราคาแค่ประมาณ 200- 300 บาทเท่านั้น แถมหัวปลั๊กไฟก็ใช้งานไม่ได้ ต้องไปหาซื้อหัวแปลงมาใหม่

ส่วนขั้นตอนการหารายได้จากแอปฯ ก็ไม่ได้อยู่ที่การขายของตามที่ชักชวน  เนื่องจากมีข้อกำหนดว่าต้องให้หาสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่งคนเพื่อรับเงิน 375 บาท และหากหาสมาชิกได้จำนวน 30 คน เธอจะได้ค่าตอบแทนคนละ 700 บาท ผู้เสียหายเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้มีเพื่อนและคนรู้จักบางคนกำลังหารายได้จากช่องทางนี้ โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปตรวจสอบในกลุ่มสอนกลยุทธ์การตลาดที่ตนเองเคยถูกชักชวน ซึ่งพบว่ามีสมาชิกเข้าร่วมกลุ่มกว่า 3 หมื่นคนแล้ว

ด้านนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า ดีเอสไอได้ตั้งคณะทำงานชุดสืบสวนตรวจสอบข้อมูลของบริษัทนี้แล้ว หลังมีผู้ร้องเรียนพฤติการณ์ของบริษัทนี้อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เบื้องต้นพบว่า บริษัทนี้จดทะเบียนถูกต้อง แต่ไม่สอดคล้องกับรูปแบบของบริษัท ที่ให้ลูกค้าหาสมาชิกเข้าร่วมในแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้า ซึ่งมีลักษณะธุรกิจขายตรง

ส่วนข้อสงสัยที่ว่า บริษัทนี้เปิดแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้าแฝงการหาสมาชิกจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสืบสวน และยังไม่มีผู้เสียหายจากธุรกิจนี้ไม่ได้ผลตอบแทนตามข้อตกลง ประกอบกับมีการซื้อขายสินค้าจริง โดยวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย.นี้ ดีเอสไอจะเรียกผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทเข้ามาสอบสวนและชี้แจงข้อเท็จจริง คาดได้ข้อสรุปภายใน 2สัปดาห์

ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เผยว่า หากบริษัทนี้ไม่เข้าข่ายความผิดเรื่องแชร์ลูกโซ่ แต่ก็ยังมีปัญหาเเรื่องสินค้าไม่ได้คุณภาพ ที่อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน มาตรา 271 หลอกให้ซื้อสิ้นค้าไม่มีคุณภา พร้อมเตือนประชาชนให้ชะลอการร่วมลงทุน หรือชักชวนสมาชิกคนอื่น เพราะหากผลสรุปออกมาว่า ธุรกิจนี้เข้าขายแชร์ลูกโซ่ผู้ที่ชักชวนอาจมีสถานะเป็นผู้ร่วมขบวนการและมีความผิด

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ