สาวแพร่ขาดส่งเงินกู้กยศ.ถูกยึดบ้าน 2 ล้านขายทอดตลาด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ความคืบหน้ากรณี สาวจังหวัดแพร่กู้เงิน กยศ. ขาดส่งและค้างยอดชำระ กว่า 1.7 หมื่นบาท และถูกฟ้องยึดบ้านไม้สัก ขายทอดตลาดมูลค่าราคา 2.1 ล้านบาท วันนี้ครอบครัวผู้กู้ยืม เดินทางไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยเหลือไกล่เกลี่ย เนื่องจากบ้านไม้สักที่ถูกยึด เป็นมรดกของพ่อ แต่ผู้เป็นแม่เป็นคนค้ำกู้ยืมกยศ.ให้ ครอบครัวจึงตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงเลือกยึดบ้านหลังนี้

กยศ.แถลงกรณี “ครู” ถูกลูกศิษย์เบี้ยวหนี้ กยศ.วันนี้

ครูร้อง เกือบ ถูกยึดบ้าน-ที่ดิน หลังศิษย์เกือบ 30 คนเบี้ยวจ่าย กยศ.

นางสาวสมหมาย วงศ์ตะวัน (ผู้กู้)  และครอบครัว เดินทางเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังจากมีจดหมายจากสำนักงานบังคับคดี จ.แพร่ มาติดหน้าบ้าน ว่าบ้านเรือนไทยหลังนี้ถูกขายทอดตลาดไปแล้วในราคา 2.1 ล้านบาท  นางสาวกรทิพย์ วงศ์ตะวัน พี่สาวผู้กู้ ระบุว่า น้องสาวเป็นหนี้ กยศ.จำนวนกว่าหนึ่งหมื่น เจ็ดพันบาท แต่กลับถูกฟ้องบังคับคดียึดบ้านไม้สักหลักล้านบาท จึงเข้ามาขอความเป็นธรรม และขอให้ช่วยดำเนินการนำบ้านกลับคืนพ่อตน

โดยมีนางสาวนภาพร  เยาวรัตน์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ได้เข้ารับเรื่องไว้และได้ประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานยุติธรรมจังหวัดแพร่ และกรมบังคับดดีจังหวัดแพร่ เข้าชี้แจงต่อผู้เสียหาย เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง 

หลังการผลหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง น.ส.กรทิพย์ พี่สาวผู้กู้เปิดเผยว่า ได้รับความเห็นใจจาก อัยการ และรับปากว่าจะติดตามคนที่ซื้อบ้านมาเจรจาให้แต่เขาจะมาหรือไม่มานั้น ไม่แน่ใจ เบื้องต้นนัดกันวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ถ้าหากเขามาก็จะให้ทางครอบครัวตนจ่ายค่าชดเชยที่เขาซื้อบ้าน แต่หากไม่มาทางตนได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อจะไปยื่นให้สภาทนายความ จังหวัดแพร่ ให้ช่วยเหลือไปขอยื่นกับศาลขอรื้อฟื้นคดี

ย้อนไปดูเรื่องราวก่อนถูกยึดบ้านไม้สักหลังนี้ นางสาวกรทิพย์ เล่าความเป็นมาเรื่องนี้ว่าเดิม น.ส.สมหมาย น้องสาว ได้กู้ กยศ.เมื่อปี 41-42 เพื่อเรียนต่อระดับอาชีวะศึกษา หลังจากเรียนจบได้ส่งเงินคืนกองทุน กยศ.มาตลอด ต่อมาน้องสาวได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด จึงไม่ได้ส่งต่อ เหลือยอดเงินที่ค้าง กยศ. กว่า 17,000 บาท  จนล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ผู้กู้ยืม ได้กลับมาจ่ายเงิน กยศ.อีกครั้งจำนวน 2 พันบาท และมีหนังสือมาติดหน้าบ้านว่าเป็นทรัพย์สินถูกขายทอดตลาดแล้ว เพื่อใช้หนี้ กยศ. ครอบครัวจึงตกใจมาก

ในการทำสัญญากู้เงินยืมกยศ.ครั้งนี้ มีน.ส.สมหมาย เป็นผู้กู้ และมีนางพริ้ง วงศ์ตะวัน ผู้เป็นแม่ เป็นคนค้ำประกัน และมีนายสมพร วงศ์ตะวัน ผู้เป็นพ่อ  เป็นคู่สมรสของแม่ทางครอบครับยืนยันว่าพ่อไม่เคยได้เซ็นเอกสารใดๆเกี่ยวกับเงินกู้ในครั้งนี้เลย  จึงตั้งข้อสังเกตุว่าทำไมกยศ.ไม่ฟ้องยึดทรัพย์บ้านของแม่ แต่มายึดทรัพย์บ้านหลังใหญ่ทรงไทยซึ่งเป็นของพ่อ และระยะเวลาที่ผ่านมาทางผู้กู้ ระบุว่าไม่เคยได้รับหนังสือ ทวงหนี้ หรือหนังสือจากหน่วยงานบังคับคดี อยู่ๆ ก็มารู้ว่าบ้านถูกนายทุนซื้อไปแล้ว

ล่าสุด ทางด้าน กยศ.นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้ชี้แจงกรณี้ว่า  ก่อนที่จะมีการบังคับคดี กองทุนพยายามที่จะติดต่อกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันทั้งทางจดหมายและทางโทรศัพท์ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนการติดตามหนี้มาโดยตลอด  ในข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และศาลได้มีคำพิพากษาให้ชำระหนี้เงินต้น กว่า 17,868 บาท พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระหนี้ จึงต้องดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดี จากการสืบทรัพย์พบทรัพย์สินของผู้กู้ แต่ไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว

กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันเมื่อปลายปี 2561 ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นอยู่ ต่อมาในช่วงต้นปี 2562 ผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้เพียงบางส่วน  และไม่ได้ติดต่อกองทุนเพื่อทำบันทึกข้อตกลงงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้

ต่อมาเมื่อวันที่  23 มิถุนายน 63 มีบุคคลภายนอกซื้อในราคา 30,000 บาทเป็นเงินมัด  โดยการขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งที่ 11 ซึ่งในการขายทุกครั้งที่ผ่านมาไม่มีผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาดูแลการขาย

กยศ.ยังชี้แจ้งว่าหากผู้กู้ยืมหรือผู้ค้ำประกันเข้ามาติดต่อ ก็สามารถงดการขายทรัพย์และผ่อนชำระหนี้ได้อีก 6 ปี ในเบื้องต้นทางกองทุน กยศ.ได้ประสานงานกับผู้ซื้อทรัพย์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยินดีขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ค้ำประกันในราคาซื้อ

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ