วันที่ 30 มิ.ย. 2563 นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยความรู้สึกหลังตำรวจเข้าตรวจค้น 12 จุด ที่มีข้อมูลเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ว่าเป็นไปได้ที่กลุ่มยาเสพติดนอกพื้นที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของหลานสาว เพราะคนในหมู่บ้านรู้จักกันอย่างดี ส่วนตัวจึงเชื่อว่าการตายของน้องชมพู่ไม่เกี่ยวข้องกับคนในหมู่บ้าน
ตำรวจชุดทำคดี “น้องชมพู่” ลุยค้น 12 จุดต้องสงสัยปมยาเสพติด
นายไชย์พล บอกว่า ตนเองเข้าใจการทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี ที่เข้ามาสอบปากคำคนในหมู่บ้านกกกอกหลายต่อหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีกซึ่งหนึ่งชาวบ้านที่เจอแบบนี้ ก็คือตัวเอง จนทำให้คนจำนวนมากเข้าใจว่า ในฐานะลุงน้องชมพู่และพบศพคนแรก นายไชย์พล คือ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ซึ่งทำให้ช่วงหนึ่งเกิดความเครียดมาก เวลานี้จึงอยากให้สามารถจับตัวคนร้ายได้ในเร็ววัน เพราะตอนนี้ชาวบ้านต่างหวาดระแวงกันเองและไม่สนิทใจเหมือนเก่า แต่ทั้งหมดก็อยากให้ตำรวจไม่กดดันจนเกินไป และรวบรวมหลักฐานให้รัดกุม
ขณะที่นายประวิทย์ วะไลใจ วัย 64 ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า การที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำชาวบ้านคนละหลายรอบ กลายเป็นความเคยชินของคนในหมู่บ้านไปแล้ว เพราะตำรวจเข้ามาพูดคุยทุกวัน อย่างตนเองก็เคยถูกตำรวจเข้ามาซักถามราว 10 รอบ และเคยไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ 1 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเข้ามาซักถามเหตุการณ์วันที่ 11 พ.ค.ที่น้องชมพู่หายตัวไป และถามเรื่องความขัดแย้งกับครอบครัวน้องชมพู่ โดยตนเองเข้าใจว่าตำรวจพยายามหาพยานหลักฐานรอบด้าน เพราะแม้กระทั่งเรื่องที่ตนเองเคยมีความขัดแย้งกับตาของน้องชมพู่เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ก็ถูกนำมาซักถามด้วย ทั้งที่เรื่องจบไปนานแล้ว และทุกวันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับครอบครัวของน้องชมพู่
ส่วนวันนี้มีความเคลื่อนไหวสำคัญของตำรวจชุดคลี่คลายคดี คือ มีการระดมกำลังนำหมายค้นลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านต้องสงสัย 12 หลัง ที่มีข้อมูลว่า อาจเชื่อมโยงเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร และเกี่ยวโยงการหายตัวไปของน้องชมพู่
โดยจุดที่ตำรวจเข้าตรวจค้นทั้ง 12 จุด กระจายอยู่ในพื้นที่ 5 หมู่บ้าน คือ บ้านกกกอก บ้านกกตูม บ้านมะนาว บ้านขัวสูง และบ้านพังแดง ซึ่งการปฏิบัติการทั้งหมด ตำรวจไม่เปิดเผยรายละเอียดทุกประการ ซึ่งถือเป็นปกติของท่าทีตำรวจในการทำคดีนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตอนแรกเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าอาจจะแถลงข่าวปฏิบัติภาพรวมของการตรวจค้น ก็ยกเลิกแถลงในภายหลัง
โดยในช่วงบ่ายตำรวจใช้วิธีการสรุปเนื้อหาการตรวจค้นในวันนี้เป็นเอกสารออกโดยตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เผยแพร่ให้กับผู้สื่อข่าวแทน สาระสำคัญคือตำรวจเปิดเผยว่า การเข้าค้นวันนี้ ตรวจพบและยึดสิ่งผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 1. อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จานวน 2 กระบอก 2. เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด
3. ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) หนัก 0.1 กรัม พร้อมกับยืนยันว่าจากการสืบสวนคดีน้องชมพู่ ทำให้ได้พยานหลักฐานว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ อาจมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องชมพู่ จึงจำเป็นต้องมีการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผล และเชิญตัวกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนปากคำ
ตร. รวบ ชายวัย 48 ทำอนาจารเด็กหญิงหมู่บ้านเดียวกับน้องชมพู่
แม้ในแถลงการณ์ของตำรวจวันนี้จะมีรายละเอียดไม่มาก และเนื้อเกินครึ่งเป็นการไล่เรียงชื่อตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการทำคดีน้องชมพู่ เริ่มตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปจนถึงตำรวจระดับพื้นที่ แต่น่าสังเกตว่า ในบรรดานายตำรวจที่เปิดเผยชื่อมา ล้วนเป็นตำรวจระดับฝีมือทำคดีใหญ่ๆระดับประเทศมาแล้วทั้งสิ้น อย่างเช่นตำรวจส่วนกลางที่ไปช่วย ประกอบด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวน บช.น. พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรหม รองผู้บังคับการกองปราบปราม พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รองผู้บังคับการกองปราบปราม และพ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รองผู้บังคับการกองปราบปราม
พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ในจำนวนนี้ หลายนายเคยร่วมคลี่คลายคดี ฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า คดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า คดีผู้อำนวยการโรงเรียนฆ่าชิงทอง 3 ศพที่ จ.ลพบุรี
ส่วนตำรวจจากภูธร มี พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผู้กำกับการสืบสวน 3 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ที่เชี่ยวชาญเรื่องกลุ่มคนร้ายคดียาเสพติดในภาคอีสานตอนบน
โดยปฏิบัติการในวันนี้ (30 มิ.ย.) ตำรวจไม่เปิดเผยว่าบ้านที่เข้าตรวจค้นเป็นบ้านของใครบ้าง แต่ที่บ้านกกกอกมีการเข้าค้นบ้านของนายนริน เชื้อคมตา ผู้ต้องหาคดีอนาจารเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่ได้รับการประกันตัวออกมาจากเรือนจำจังหวัดมุกดาหารเย็นวานนี้
โดยภายหลังการตรวจค้นราว 1 ชั่วโมง ตำรวจได้พาตัวนายนรินและครอบครัวมาสอบปากคำที่ สภ.กกตูม เช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่ถูกตรวจค้น โดยตำรวจใช้วิธีการแยกสอบปากคำตามแต่ละพื้นที่ และตรวจสอบเบื้องต้นพบสารเสพติดในปัสสาวะ ของกลุ่มเป้าหมายจำนวน 5 คน ซึ่งตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลต่อไป
ตำรวจปัดขู่บังคับสารภาพ เค้นชายในหมู่บ้าน "น้องชมพู่" ติงสื่อ
ชาวบ้าน ผวา หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย “น้องชมพู่”
พ่อแม่"น้องชมพู่"ไม่เชื่อปมขัดแย้งส่วนตัวเป็นเหตุฆ่าเด็ก