ผู้เชี่ยวชาญ ตั้งข้อสังเกต เหตุศพ "น้องชมพู่" ไม่บอกที่มาการตาย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ความยากในการทำคดีน้องชมพู่ส่วนหนึ่งมาจากผลชันสูตรศพที่ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ มีข้อสังเกตจากนักอาชญาวิทยาว่า จำเป็นต้องย้อนกลับมาตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งจะทำให้การทำคดีอาจปรากฎสมมติฐานใหม่ นอกเหนือจากการฆาตกรรม ซึ่งจะช่วยตีวงผู้ต้องสงสัยให้แคบขึ้นได้

ผู้ใหญ่ใกล้ชิด เผย พ่อน้องชมพู่มีความขัดแย้งกับเครือญาติ

หากเทียบผลชันสูตรศพน้องชมพู่ 2 ครั้ง จาก 2 โรงพยาบาล คือ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี และ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ จะเห็นว่าครั้งแรก ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย และร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยพบของเหลวในกระเพาะอาหาร 10 ซีซี และครั้งที่ 2 ไม่พบสาเหตุการเสียชีวิต แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ โดยไม่ยืนยันว่าเกิดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง ไม่ได้บ่งชี้สาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากอะไร

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา ตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น ว่าการที่ไม่ปรากฏหลักฐานทั้งทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานหลักฐานอื่นๆ ที่จะบ่งชี้ว่าน้องชมพู่ถูกทำให้เสียชีวิตหรือไม่ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเสียชีวิตเอง เพราะหากเด็กถูกทำให้เสียชีวิต ต้องปรากฏหลักฐาน เช่น หากถูกทำให้ขาดอากาศหายใจ ต้องดูว่ามีรอยกดบีบคอหรือไม่ หรือการใช้หมอนกดทับใบหน้า ก็จะปรากฏหลักฐานที่อวัยวะภายใน โดยจะทราบจากการผ่าศพ แต่ผลการผ่าศพก็กลับไม่ปรากฎร่องรอย ซึ่งอาจจะมาจากข้อจำกัดเรื่องสภาพศพที่ไม่สมบูรณ์เพราะเสียชีวิตมาระยะเวลาหนึ่ง

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา ยอมรับว่า การที่พบศพเด็กในป่าซึ่งห่างจากบ้านเกือบ 3 กิโลเมตร และลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นทางลาดชัน เป็นไปได้ยากที่เด็กจะเดินไปเองได้ นอกจากถูกเคลื่อนย้ายมาทิ้งไว้ ประเด็นนี้สามารถดูได้จากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ก้อนเลือดที่ตกไปกองตามลักษณะท่าทางการเสียชีวิต เช่น หากเสียชีวิตในท่าตะแคงซ้ายเลือดจะไหลไปรวมที่ด้านซ้ายของร่างกาย ซึ่งหากพบศพนอนตะแคงขวา แต่ก้อนเลือดอยู่ฝั่งซ้ายของร่างกาย ก็พออธิบายได้ว่าศพถูกเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น

แต่กรณีนี้จะสามารถตรวจสอบได้หลังจากเด็กเสียชีวิตไม่นาน แต่หากเสียชีวิตมากกว่า 3 วันแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบได้ เพราะศพเริ่มเน่า

ที่น่าสนใจคือ หากเด็กไม่ได้ถูกฆาตกรรม และถูกนำศพมาอำพรางในป่า สิ่งที่ต้องตรวจสอบต่อไปคือ หลักฐานที่ปรากฏบนตัวผู้เสียชีวิต ซึ่งจะนำไปสู่การทราบจุดที่เด็กเสียชีวิตที่แท้จริงได้ เช่น ก่อนหน้านี้ตำรวจพบขนสัตว์ที่ร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งมีการตรวจสอบว่าตรงกับขนสุนัขที่เด็กเล่นประจำหรือไม่ ซึ่งคำแนะนำของนักอาชญาวิทยา มองว่า นอกจากสุนัข ก็ควรไปดูว่าบริเวณบ้าน หรือในหมู่บ้าน มีสัตว์ชนิดอื่นอีกหรือไม่

ส่วนการที่ศพไม่ได้สวมเสื้อผ้า ก็เป็นไปได้ที่คนพบศพแล้วนำศพมาทิ้ง ต้องการจัดฉากว่าเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพราะผลการชันสูตรศพไม่ได้บ่งชี้ว่าเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ และอวัยวะเพศไม่ผิดปกติ ไม่พบสารคัดหลั่งของผู้อื่นที่ตัวเด็ก

การเสียชีวิตของน้องชมพู่ ถูกตั้งข้อสังเกตุว่า เมื่อไม่พบหลักฐานการถูกฆาตกรรม เป็นได้ 2 ทาง คือ น้องชมพู่ไม่ได้ถูกฆาตกรรม และ เสียชีวิตเองจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง หรืออีกด้านคือ หลักฐานไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถหาสาเหตุการฆาตกรรมได้ จึงมีคำแนะนำว่า ตำรวจและแพทย์นิติเวชต้องหาสาเหตุการเสียชีวิตให้ได้ว่าเด็กเสียชีวิตได้อย่างไร อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิต ร่องรอยที่ปรากฏที่อวัยวะเพศเป็นรอยจากการถูกสัตว์กัดแทะ หรือถูกล่วงละเมิด และรอยขีดข่วนตามร่างกายที่พบมาจากอะไร

นอกจากนี้สถานที่พบศพ คือสถานที่ที่เด็กเสียชีวิต หรือ สถานที่ที่ถูกอำพรางศพ และหากเป็นสถานที่ที่ใช้อำพรางศพ ต้องไปหาว่าใครมักใช้เส้นทางนี้ เพราะโดยปกติสถานที่ที่ไป มักเป็นสถานที่ที่เคยไปมาก่อน เพราะจะทราบว่าจุดที่จะไปนั้นเป็นแบบไหน สุดท้ายคือ ระยะเวลาที่เห็นเด็กยังมีชีวิตอยู่ ถึงเวลาที่แจ้งว่าเด็กหาย ห่างกันเท่าไหร่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะบอกว่าเด็กเดินไปจุดพบศพเองได้หรือไม่

พยาน เผย รถแบ๊กโฮของเล่นน้องชมพู่ถูกเคลื่อนย้ายไว้ใกล้ศพ

 

 

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ