ขั้วโลกใต้ร้อนขึ้นเป็น 3 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลกในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
โลกอาจอยู่ในทศวรรษที่ร้อนสุดในประวัติศาสตร์
นายเพตเตรี ทาลาส เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ระบุในแถลงการณ์วานนี้ (9 ก.ค.) ว่า แนวโน้มที่ว่าอุณหภูมิทั่วโลกจะสูงขึ้น ตอกย้ำถึงความท้าทายมหาศาลที่โลกต้องเผชิญในการบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงกรุงปารีส ปี 2015 ที่จะควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากพอที่จะควบคุมไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส จากระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม
นายทาลาสบอกว่า มีโอกาส 20 เปอร์เซ็นต์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยประจำปีจะเพิ่มสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ในปีใดปีหนึ่งระหว่างปีนี้จนถึงปี 2024 ขณะที่ในช่วงเวลาดังกล่าว มีแนวโน้มสูงที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างน้อย 1 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม
ในช่วง 5 ปี หลังจากนี้ ออสเตรเลียและตอนใต้ของแอฟริกา อาจแห้งแล้งกว่าปกติ ขณะที่ภูมิภาค “ซาเฮล” หรือเขตรอยต่อกึ่งทะเลทราย บริเวณทะเลทรายซาฮาราที่แบ่งทวีปแอฟริกาเป็นเหนือและใต้ ตั้งแต่มหาสมุทรแอตแลนติกไปจนทะเลแดง จะมีฝนตกมากขึ้น เช่นเดียวกับยุโรปที่จะเผชิญพายุมากขึ้น
การคาดการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกที่จะพยากรณ์อุณหภูมิ ปริมาณฝน และรูปแบบกระแสลม ในช่วงเวลาที่สั้นขึ้น เพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ ติดตามได้ว่าภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบต่อรูปแบบสภาพอากาศอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ นายทาลาสเตือนด้วยว่า แม้ว่าการปิดเมืองเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกลดลง 4 ถึง 7 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็จะมีผลแค่ในระยะสั้นเท่านั้น