“แม่น้องบีม” วอน “สภาทนายความ” ทำตามสัญญาช่วยสู้คดีทนายโกงเงิน
ศาลจำคุกอดีตทนาย 5 ปี 12 เดือนคดีโกงเงิน "น้องบีม"
เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2563 น.ส.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือ น้องบีม ที่ต่อสู้คดีเกี่ยวกับกรณีการฉ้อโกงของนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อดีตทนายความ ที่รับมอบอำนาจจากครอบครัวน้องบีม และเป็นคนไปเบิกเงินชดใช้เยียวจากคดีคนขับรถบรรทุกบริษัทแห่งหนึ่งชนจนพ่อของเธอเสียชีวิตเมื่อปี 2548 ส่วนตัวเองบาดเจ็บสาหัสต้องตัดขาทั้งสองขา ขณะอายุได้เพียง 2 ขวบ ทำให้เงินจำนวนนั้นไปไม่ถึงมือเธอและแม่ตามคำพิพากษาของศาล ต่อมานายพิสิษฐ์ถูกจับกุมดำเนินคดีและต้องโทษในเรือนจำ โดยไม่มีเงินมาชดใช้แม้แต่บาทเดียว
น้องบีม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาใช้ชีวิตยากลำบากมา ช่วยแม่หาเลี้ยงชีพด้วยการขายกาแฟ และต้องเรียน กศน. เพื่อลดภาระของแม่ ขณะที่อาการบาดเจ็บยังต้องทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง พบมีอาการหลังคด
ด้านว่าที่ พ.ต. สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สำนักงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หรือ ส.ช.น. แถลงว่า เมื่อวานนี้ (13 ก.ค. 2563) ศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีแพ่งให้ถึงที่สุด เรื่องการบังคับผลการชำระหนี้ สืบเนื่องจากที่ศาลมีคำพิพากษาให้ชนะคดีอุบัติเหตุ แต่ต่อมานายพิสิษฐ์ อดีตทนายความของผู้เสียหายออกอุบายให้ผู้เสียหายเซ็นมอบอำนาจโดยไม่ชอบ เพื่อนำไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และนำเช็ค 29 ฉบับเป็นเงินกว่า 3.05 ล้าน บาท ไปขายคืนในราคา 900,000 บาท ซึ่งศาลฎีกาพิเคราะห์ว่า ส่อไปในทางทุจริต จึงพิพากษาแก้ ให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามเดิม เป็นผลให้น้องบีมและครอบครัวสามารถบังคับคดีโดยการยึดทรัพย์ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ได้ เพราะยังไม่ได้รับเงินตามคำพิพากษา
สำหรับนายพิสิษฐ์ ปัจจุบันถูกจำคุกจากคดี ฉ้อโกง และไม่พบว่ามีทรัพย์สินที่จะมาใช้หนี้ ส่วนบริษัทรถบรรทุก ยังคงประกอบกิจการตามปกติ และว่าที่ พ.ต.สมบัติ ยอมรับว่า เสียดายประเด็นการคิดดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ที่ครอบครัวน้องบีมไม่ได้ร้องขอไปตั้งแต่ศาลชั้นต้น เพราะมิฉะนั้น น้องบีม อาจได้รับดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนกว่า 10 ล้านบาท