เมื่อเศรษฐกิจโลกหมุนเวียนมาบรรจบกับวิกฤต โควิด-19 ก็กลายเป็นหายนะทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ การส่งออกของประเทศชะงักงัน การท่องเที่ยวทรุดหนัก การลงทุนภาครัฐก็ทำได้ไม่เต็มศักยภาพ การจะพึ่งเอสเอ็มอีก็ไร้กำลังต้านทานกับพิษเศรษฐกิจครั้งนี้ แต่ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส
UTA เดินหน้าลงทุนสร้าง “เมืองการบินภาคตะวันออก”
หนึ่งความหวังในการเตรียมความพร้อมระยะยาวของประเทศไทยในยามยากลำบากนี้ คงหนีไม่พ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาคเอกชน อย่าง บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ที่เดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจกต์ให้กับประเทศ ด้วยเม็ดเงินกว่า 3 แสนล้านบาท ขึ้นแท่นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ภายใต้สถานการณ์โควิดที่สร้างความหวาดหวั่นจนหลายฝ่ายไม่กล้าลงทุน ซึ่ง นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท การบินกรุงเทพ หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส แม่ทัพคนสำคัญของโครงการนี้ได้ให้ความมั่นว่า โควิด-19 ไม่มีผลกระทบกับการลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับศักยภาพของโครงการนี้ เรียกได้ว่าเป็นทำเลทองของการขนส่งและการลงทุน ด้วยพื้นที่ตั้งอยู่บริเวณอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง มีเนื้อที่โดยรอบประมาณ 6,500 ไร่ ผ่านการวางยุทธศาสตร์ 3 ประการ ได้แก่ เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของกรุงเทพ เชื่อมโยงสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง รองรับผู้โดยสารได้ถึง 200 ล้านคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและ Logistic & Aviation ของอีอีซี เป็นศูนย์กลางของมหานครการบินภาคตะวันออก สานต่อจากโครงการ Eastern Seaboard เชื่อมต่อได้ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ
ส่วนไฮไลท์ของโครงการแห่งนี้ ประกอบด้วย ทางวิ่งเครื่องบิน 2 ทางวิ่ง ช่องจอดเครื่องบิน 102 ช่องจอด ที่เชื่อมต่อกับการสัญจรทุกรูปแบบ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ศูนย์ธุรกิจการค้าและการขนส่งภาคพื้นดิน ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน เขตประกอบการค้าเสรี และเขตธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ศูนย์ธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ ศูนย์ฝึกอบรมการบิน ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกรวบรวมในที่เดียวแบบครบวงจร
ซึ่งเบื้องต้นจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 16 ล้านคนในปีแรก และขยายได้ถึง 60 ล้านคนในอนาคต นอกจากนี้ เมืองการบิน ยังถูกออกแบบให้เป็นสนามบินอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนล่วงหน้า การยืนยันอัตลักษณ์จากระบบไบโอเมทริกซ์ และเทคโนโลยีชั้นสูง อย่างระบบขนส่งผู้โดยสารไร้คนขับ ระบบปัญญาประดิษฐ์ ระบบการลงทะเบียนอัตโนมัติ รวมทั้งยังมีโรงพยาบาล โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์แสดงนิทรรศการวัฒนธรรม เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์สุดประทับใจ ด้วยศักยภาพของอันแข็งแกร่งของโครงการ จึงถือเป็นการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยให้พร้อมในอนาคต และเมื่อโอกาสมาถึง เมืองการบินภาคตะวันออก ก็พร้อมที่จะเป็นกุญแจดอกสำคัญในการพาประเทศไทยเป็นประตูเศรษฐกิจของเอเชียได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ นอกจากการลุงทุนกว่า 3 แสนล้านบาทแล้ว สิ่งที่โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จะสามารถตอบแทนให้แก่ประเทศไทย ผ่านภาษีอากรได้เพิ่มกว่า 60,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างานเพิ่มกว่า 15,640 ตำแหน่งต่อปี
เปิดความพร้อมพัฒนาเมืองการบินสู่ “ประตูเศรษฐกิจเอเชีย”
