ย้อนคดี “ทายาทกระทิงแดง” พบทำสำนวนอ่อน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




สำหรับประเด็นที่ทำให้หลายคนยังแคลงใจ และตั้งคำถาม วันนี้ ทนายเดชา ออกมาเรียกร้องให้ อัยการสูงสุด ชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่สั่งฟ้อง ทายาทกระทิงแดง ขณะที่ อนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการกฏหมายฯ ให้ความเห็น ว่า สำนวนในคดีนี้ ไม่มีนำหนักตั้งแต่ต้น ถึงอัยการฯ สั่งฟ้อง “ทายาทกระทิงแดง” ก็จะหลุดคดี

อัยการ เผย “บอส อยู่วิทยา” อีก 7 ปี หลุดทุกคดี ชี้ รอ ตร.จับตัวกลับมา

'แหม่มโพธิ์ดำ' ตั้งคำถามกระบวนการยุติธรรม หมกเม็ด 'บอส' พ้นผิด

เหตุการณ์ นี้เกิดขึ้นเมื่อวัน ที่  3 กันยายน 2555  เมื่อนายวรวุทธ อยู่วิทยา  หรือ บอส  ขับรถพุ่งชน ด.ต. วิเชียร  กลั่นประเสิรฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ ขณะปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิตมีพยานพบเห็นว่า ร่างของผู้เสียชีวิตถูกลากไปไกลกว่า 200 เมตร ก่อนที่รถสปอร์ตหรูคันดังกล่าวจะขับหายไปจากที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลาประมาณ 05.30น. เช้ามืดวันดังกล่าว

คดีนี้มีจุดอ่อนตั้งแต่ หลังจากตำรวจ ติดตาม  ร่องรอยจากคราบน้ำมันบนพื้นถนนไปถึง “บ้านอยู่วิทยา” พบหลักฐานคือรถสปอร์ตหรูในสภาพพังยับเยิน โดยมี ตำรวจระดับสารวัตร สน.ทองหล่อ ควบคุมตัว “พ่อบ้าน” โดยให้การว่า เมาและเป็นคนขับรถคันดังกล่าวชนตำรวจ 

เหตุเกิด 3 กันยายน 2555 เวลา 5.30 น.

-  ตร. ตามรอยพบรถในบ้าน  มี “พ่อบ้าน” อ้างเป็นคนก่อเหตุ 

-  “บอส” ผู้ก่อเหตุตัวจริง รับสารภาพ หลังถูกกดดัน

-   นายตำรวจระดับ ผบช.น. เจรจา ถึงใน “บ้านอยู่วิทยา” หลังเกิด เหตุหลายชั่วโมง

 “บอส” อ้างว่า ดื่มเหล้าเพราะเครียดหลังก่อเหตุได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักประกัน 500,000 บาท

แต่ด้วยพยานหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ และคำให้การของพ่อบ้านไม่มีน้ำหนัก ส่งผลให้  พล.ต.ต. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ขณะนั้น  เข้าไปใน “บ้านอยู่วิทยา”  ก่อนจะนำตัว นายบอส  ที่รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ และดื่มเหล้าเพราะเครียดหลังเกิดเหตุ ครั้งนั้น มีทนายความประกันตัวไป ด้วยหลักประกัน  500,000 บาท 

ตอนนั้นพนักงานสอบสวนตั้งข้อหา "บอส อยู่วิทยา" 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีนี้มีอายุความ 15 ปี สิ้นอายุความ ในเดือนห ก.ย.70 2. ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ถูกชน หรือชนแล้วหนี อายุความ 5 ปี สิ้นสุดในก.ย. 60 3. ขับรถใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด อายุความ 1 ปี  4. ขับรถโดยขณะมึนเมา 5. ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย   ทั้ง 2 ข้อหาหลังนี้ ขาดอายุความไปแล้ว[“บอส อยู่วิทยา ” ถูกเอาผิด 5 ข้อหา

ในปี 2559 ตำรวจสรุปสำนวน ส่งอัยการสั่งฟ้องได้เพียง 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2. ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ถูกชน หรือชนแล้วหนี อายุความ 5 ปี หรือวันที่ 3 ก.ย. 2560 เมื่อข้อหาที่ 2 หมดอายุนั่นหมายความว่านายวรยุทธ เหลือข้อหาติดตัวเพียงขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่เหลืออายุความอีก 7 ปี

สำหรับกรณีการนำตัว “พ่อบ้าน” มารับผิดแทนนั้น ส่งผลให้นายตำรวจ 5 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ขณะนั้น ถูกชี้มูลความผิดโดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เมื่อ ตุลาคม ปี 2562 ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีสอบสวนช่วยเหลือนายวรยุทธ ทายาทเครือกระทิงแดง ไม่ให้ถูกดำเนินคดี  ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุลงโทษภาคทัณฑ์ กักยามตำรวจที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ตามที่ป.ป.ช.ชี้

หลังจากนั้น อัยการจะพิจารณารายละเอียดตามสำนวนโดยใช้หลักกฎหมาย และดุลยพินิจเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ว่าจะสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง กรณีสั่งฟ้อง  สำนวนคดีจะถูกส่งไปให้ศาลพิจารณา ตามกระบวนการศาลยุติธรรม กรณีสั่งไม่ฟ้อง  >>> สอบถามความเห็น ตำรวจ หากตำรวจเห็นแย้ง ก็ต้อง ทำหนังสือแสดง“ความเห็นแย้ง” ให้อัยการพิจารณา แต่ในกรณีที่ ตำรวจไม่เห็นแย้ง  >>> คดีสิ้นสุด

ซึ่งในส่วนนี้เองที่ทำให้ท้ายที่สุดเมื่ออัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง และตำรวจไม่เห็นแย้งจากอัยการฯ ผลจึงต้องทำให้มีการถอนหมายจับตามไปด้วย หากอ้างอิงตามกระบวนการนี้ ถือว่า ตำรวจและอัยการดำเนินการตามหลักกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการกฏหมายฯ ให้ความเห็นกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อกล่าวหาในคดีนี้ เกิดจาก พยานหลักฐานในสำนวนนั้นไม่มีน้ำหนักมากพอ ทั้งเรื่องเมาแล้วขับ ที่พนักงานสอบสวนไม่ได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ตั้งแต่ช่วงเช้าที่เกิดเหตุ จนทำให้ผู้ก่อเหตุมีข้ออ้างว่าดื่มแอลกอฮอล์หลังขับรถชนนายตำรวจ เพราะความเครียด  รวมถึงการตรวจวัดความเร็วที่ไม่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งทำให้อัยการสั่งสอบเพิ่มเติมหาหลักฐานส่วนอื่นๆ จนเวลาล่วงเลยและขาดอายุความในที่สุด ประกอบกับมีพยานบุคคลให้ข้อมูลว่านายตำรวจเป็นผู้ขับรถตัดหน้า จนทำให้เป็นผู้ต้องหาประมาทร่วม เมื่อไม่มีหลักฐานความเร็วเกินกำหนด เมาแล้วขับ และมีพยานยืนยันความผิดนายตำรวจ อัยการจึงมองว่าหาหสั่งฟ้องก็หลุดคดี

พ.ต.อ.วิรุตม์ ยังระบุด้วยว่า แม้คดีนี้ประชาชนจะมีความแคลงใจ แต่ในทางกฏหมายแล้วนายวรยุทธ หรือบอสก็จะกลับมาเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะข้อเท็จจริงทั้งหมดไม่ได้ถูกนำมาบันทึกในสำนวนอย่างครบถ้วน

ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความเจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ บอกว่ารู้สึกผิดหวังที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ ทั้งที่พยานหลักฐานน่าจะเพียงพอนำขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาลได้  โดยมองว่าเป็นเพราะอำนาจเงิน ที่ทำให้บอส สามารถไปจ้างทนายเก่งๆมาให้คำปรึกษาได้ ว่าต้องทำอย่างไรพยานหลักฐานถึงจะอ่อนลง รวมถึง สายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่บางราย ซึ่งล้านแต่มีผลทำให้แจ้งข้อกล่าวหาล่าช้า ทำให้คดีหมดอายุความ

นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตุว่า การที่นายบอสไปอยู่ต่างประเทศ เป็นระยะเวลานาน ในระหว่างนี้ทางฝ่ายของบอสอาจพยายามต่อสู้ให้อัยการสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติมและแก้ต่างให้ตัวเอง จนอัยการเห็นว่าหลักฐานไม่พอฟ้อง จนนำมาสู้การสั่งไม่ฟ้องก็ได้ โดยทนานเดชาย้ำว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลานี้คืออัยการต้องรีบออกมาชี้แจงกับสังคมว่าเหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้อง

ส่วนกรณีที่ตำรวจไม่เห็นแย้งกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการทั้งที่มีอำนาจเห็นแย้งได้ ทนายเดชามองว่าน่าแปลกใจ ที่ทำไมตำรวจจึงเห็บชอบกับคำสั่งของอัยการ ทั้งที่คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งการเห็นด้วยกับอัยการไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต้องดูว่า เป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบหรือไม่

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ