อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 27 ก.ค. 63
อัปเดตข่าวสถานการณ์ โควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 27 ก.ค. 63
วันนี้ 27 ก.ค. 2563 นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ กรณีสภาพัฒน์ฯ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ กลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ พิจารณาตัดเงินช่วยเหลือ อสม. จาก 19 เดือน เหลือ 7 เดือน โดยมิได้คำนึงถึง บทบาทและภารกิจของ อสม. ในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 นั้น
สภาพัฒน์ฯ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ขอเรียน ข้อเท็จจริง ดังนี้
ส่อ !! หั่นงบค่าตอบแทนพิเศษ อสม. 500 บาท จาก 1 ปี เหลือ 3-6 เดือน
1. กระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอ โครงการเพื่อขอใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรอืโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (แผนงานหรือโครงการที่ 1) ตามบัญชีท้ายพระราช กำหนดฯ ซึ่งแผนงานดังกล่าวมีกรอบวงเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ สำหรับการเตรียมความพร้อม และการ แก้ไขปัญหากรณีที่เกิดการระบาดของไวรัส โควิด-19 ในวงเงิน 45,000 ล้านบาท
สธ.ยัน เดินหน้าจ่ายค่าตอบแทนให้ อสม. 19 เดือน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอโครงการที่อยู่ภายใต้แผนงานด้านสาธารณสุขเพื่อขอรับการจัดสรรจากเงินกู้ภายใต้ พระราชกำหนดในวงเงินรวมประมาณ 51,985 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดครอบคลุมโครงการส่งเสริมและ สนับสนุนการปฏิบัติงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อ โควิด-19 ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงินไม่เกิน 10,019.9255 ล้านบาท ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษคนละ 500 บาทต่อเดือนให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน 1,054,729 คน ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 – ก.ย. 2564
2. การกลั่นกรองความเหมาะสมของโครงการที่เสนอขอใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราช กำหนดนั้น เป็นการดำเนินการโดยใช้กลไกคณะกรรมการกลั่นกรองฯ และคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมาร่วมกันพิจารณากลั่นกรอง โครงการโดยคณะอนุกรรมการฯ ที่กลั่นกรองโครงการด้านสาธารณสุข ประกอบด้วยผู้แทนจาก กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) ผู้แทนจาก สำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก โดยคณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวจะพิจารณากลั่นกรองโครงการและ ทำความเห็นเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณา
สำหรับกรณีโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อ โควิด-19 ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวง สาธารณสุข กรอบวงเงินไม่เกิน 10,019.9255 ล้านบาท นั้น คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า อสม. เป็นผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เป็นต้นมา ซึ่ง อสม. เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับค่าตอบแทนที่ อสม. ได้รับในขณะนี้ จำนวน 1,000 บาทต่อเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอให้มีเงินเพิ่มพิเศษอีก 500 บาทต่อเดือน สำหรับ อสม. จึงมีความเหมาะสมที่ควรปรับเพิ่มให้ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาระยะเวลาในการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ จ่ายตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 – ก.ย. 2564 (19 เดือน) นั้น คณะกรรมการฯ ได้ พิจารณามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2563 เรื่องการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิ ประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรค โควิด-19 เห็นชอบให้บุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้รับเงินเพิ่มเติมพิเศษรายเดือน และหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0408.5/ว102 ลงวันที่ 5 มิ.ย. 2563 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงิน เพิ่มพิเศษส าหรับบุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ซึ่งกำหนดอัตราการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และระยะเวลาสิ้นสุดการจ่ายเงิน เพิ่มพิเศษระยะแรกดังกล่าวไว้ที่เดือนก.ย. 2563 คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาหลักการของหนังสือ กระทรวงการคลังดังกล่าว ประกอบกับกรอบวงเงินด้านสาธารณสุขของพระราชกำหนดฯ ที่กำหนดไว้ในวงเงิน 45,000 ล้านบาท เปรียบเทียบกับภาพรวมวงเงินของแผนงานสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอใช้ จ่ายจากเงินกู้ในวงเงิน 51,985 ล้านบาท (เกินจากกรอบวงเงินของพระราชกำหนดฯ คิดเป็นจำนวน 6,985 ล้านบาท) และพิจารณาระยะเวลาการจ่ายเงินที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้จ่ายตั้งแต่มี.ค. 2563 – ก.ย.2564 คิดเป็นวงเงินประมาณ 10,019.9255 ล้านบาท และคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงปัจจัยความไม่แน่นอนของ การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดการระบาดซ้ำในช่วงต่อไปหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่หากเกิดการระบาดในวงกว้างในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งกรอบวงเงินกู้ที่กำหนดไว้ในด้านสาธารณสุข วงเงิน 45,000 ล้านบาท จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นเม็ดเงินหลักในการแก้ไขปัญหาการระบาด ในกรณีที่มีการระบาดซ้ำเป็นวงกว้างภายในประเทศ
คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ จึงมีมติให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ดังนี้
เห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับค่าใช้จ่าย ค่าเยียวยา ค่าชดเชยและค่าเสี่ยงภัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขรวมถึงผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการจัดหาผู้ชำนาญการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มี วัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (แผนงานหรือโครงการที่ 1) เพื่อเป็นค่าตอบแทนการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษคนละ 500 บาทต่อเดือน ให้แก่ อสม. และ อสส. รวมจำนวนไม่เกิน 1,054,729 คนต่อเดือน ระยะเวลาตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 ถึง ก.ย. 2563 กรอบวงเงินไม่เกิน 3,622.3195 ล้านบาท เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับบุคลากรทางการ แพทย์อื่น ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2563 และหนังสือเวียนของ กระทรวงการคลังที่กำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษถึงเดือนก.ย. 2563
ทั้งนี้ หากกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสี่ยงของการระบาดมากขึ้นก็ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่ง นำเสนอเหตุผลความจำเป็น เพื่อขยายเวลาการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และ สาธารณสุขในภาพรวมต่อไป
อสม.เตรียมบุกทำเนียบ ร้อง “บิ๊กตู่” ขอ เบี้ย 500 บาท 19 เดือน 29 ก.ค.นี้