ล่าสุด วันนี้ 28 ก.ค. 2563 ทีมข่าวพีพีทีวี ได้รับเอกสารลงนามโดย นายพินันพ์ ลักษณ์ศิริ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด โดยพบว่า อัยการ เคยมีมติไม่รับคำร้องขอสอบพยาน 2 ปากนี้ใหม่ ของทีมกฎหมาย “บอส วรยุทธ” เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2562 แต่น่าสนใจว่า เหตุใดระยะเวลาผ่านมาเพียงแค่ 37 วัน เกิดการสอบปากคำพยานทั้ง 2 คนนี้ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 ทั้งที่ถูกตีตกไปแล้ว
เปิดตัว พล.อ.ท.พยาน"บอส"ถือหุ้นในบริษัทขายรถหุ้มเกราะให้ กกต.
และเอกสารฉบับเดียวกันนี้ ยังระบุรายละเอียดในช่วงก่อนทีมกฎหมายของ บอส วรยุทธ จะขอความเป็นธรรมให้อัยการสั่งพนักงานสอบสวนสอบพยาน 2 คนนี้เพิ่มเติม โดยอ้างอิงคณะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ ที่มาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติปี 2557 ว่า กรรมาธิการชุดนี้ได้สอบผู้เชี่ยวชาญด้านการคำนวณความเร็วและพบข้อมูลใหม่
ทีมข่าวพีพีทีวี ได้สรุปเอกสารพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของทีมโดยกฎหมาย นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ลงวันที่ 29 ต.ค. 2562 โดยมีสาระสำคัญของเนื้อหาว่า ทนายความรับมอบอำนาจจาก บอส วรยุทธ ยื่นหนังสือขอให้อัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติมในวันที่ 7 ต.ค. 2562 โดยเสนอชื่อมาให้พิจารณา 2 คน คือ พล.อ.ท. จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และ นายจารุชาติ มาดทอง ซึ่งอ้างว่าเป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ โดยในหนังสือขอความเป็นธรรมฉบับนี้ ทีมทนาย บอส วรยุทธ ได้อ้างถึง คณะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ ที่มาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติปี 2557 ว่า กรรมาธิการชุดนี้ได้เชิญ รศ.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วรถ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ปรากฎใหม่ ทำให้ข้อเท็จจริงในคดีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
โดยหลังรับคำร้องฉบับนี้ อัยการได้มีความเห็นต่อพยานและความเชี่ยวชาญเป็นรายคน เริ่มจากตัวเริ่มจาก พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร อัยการ ระบุว่า ทางทีมทนายความ บอส วรยุทธ ได้เคยร้องขอความเป็นธรรมให้สอบพยานปากนี้เพิ่มเติม และได้ดำเนินการไปแล้ว ตามสำนวน 2ข. เลขาที่ 182/2556 แผ่นที่ 92 ,101 ,121 พยานปากนี้ จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่
เผยเบื้องหลังนำ 2 พยานพลิกคดี“บอส อยู่วิทยา” เข้าสำนวนผ่านกมธ.สนช.
ส่วนนายจารุชาติ มาดทอง พนักงานสอบสวนเคยสอบปากคำในคดีจราจรที่ 632/2555 สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2555 และต่อมา “บอส วรยุทธ” ร้องขอให้สอบพยานปากนี้อีก และพนักงานสอบสวนแจ้งว่า พยานไปต่างประเทศ และฝ่ายนายบอส ไม่ติดใจให้สอบปากคำแล้ว ตามสำนวน 2ข. เลขที่ 182/2556 แผ่นที่ 8 และ 1 ข. เลขที่ 130/2559 แผ่นที่ 52 ดังนั้น พยานปากนี้ จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่
ขณะที่ข้อมูลจากรศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ที่ให้ความเห็นต่อวิธีการคำนวณความเร็วรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของ ด.ต.วิเชียร และ บอส วรยุทธ อัยการเห็นว่าประเด็นปากพยานนี้ “บอส” เคยร้องขอและตัวพยานเคยให้การต่อพนักงานสอบสวน และ นายพงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริการ อัยการสูงสุง ได้เคยวินิจฉัยไปแล้ว จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่
นักฟิสิกส์ ยัน ความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา” อยู่ที่ 177 กม./ชม.
ด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้ อัยการจึงมีความเห็นว่า คำร้องของทีมทนาย บอส วรยุทธ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2562 จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงความเห็นและคำสั่งเดิมได้ ประกอบกับฝ่าย บอส วรยุทธ เคยร้องขอความเป็นธรรมลักษณะนี้หลายครั้ง อันอาจจะเชื่อได้ว่าเป็นการประวิงเวลา จึงเห็นควรยุติคำร้องนี้ ลงนามโดยนายพินันพ์ ลักษณ์ศิริ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด วันที่ 29 ต.ค. 2562
และหากพิจารณาจากความเห็นของอัยการในวันที่ 29 ต.ค. 2562 น่าสนใจต่อมาในคำสั่งไม่ฟ้อง บอส วรยุทธ อ้างอิงการสอบปากคำพยาน 2 ปากนี้ ที่ระบุว่า ด.ต.วิเชียรขับรถจักรยานยนต์ ตัดหน้า บอส วรยุทธ และ บอส วรยุทธ ขับรถมาด้วยความเร็วไม่ถึง 80 กม./ชม .ในวันที่ 4 ธ.ค. 2562 หรือหลังจากนั้น 37 วัน จึงมีคำถามว่า ในช่วง37 วันหรือเดือนเศษๆนี้ เหตุใดมีความเห็นของอัยการต่อการให้ความสำคัญของพยานที่ย้อนแย้งกันอย่างสิ้นเชิง และหากยึดคำสั่งล่าสุดของอัยการ ปฏิเสธว่า บทของกรรมาธิการกฎหมายฯ ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นหลังรัฐประหารในปี 2557 มีบทบาทสำคัญที่ทีมทนายของ บอส วรยุทธ ใช้นำมาอ้างอิง เพื่อเปิดทางสอบพยาน 2 ปากนี้
'บอส อยู่วิทยา' พ้นผิด ตำรวจยันจบทุกคดี สั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด เหตุไร้พยานหลักฐาน
“ศานิตย์” แปลกใจ! เคยตีตกคำร้อง“บอส”ในกมธ.ไปแล้ว
วันนี้ ทีมข่าวพีพีทีวี ได้สัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร อดีตกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจชุดปี 2557 โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ทำงานในกรรมาธิการชุดนี้
ตัวเองมีบทบาทในการอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการรับคำร้องขอความเป็นธรรมจากทีมทนายความของ บอส วรยุทธ มาตลอดโดยในที่ประชุมส่วนใหญ่ก็มีความเห็นทิศทางเดียวกัน เพราะเข้าอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการฯว่าไม่มีสิทธิในการชี้ผิดถูก หรือ รับคำร้องนี้ได้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่กรรมาธิการในชุดนั้น จะส่งเรื่องไปให้อัยการอย่างที่พูดกันอยู่ พร้อมขอว่าอย่านำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับการวิ่งเต้นล้มคดี
ส่วนประเด็นที่เหตุใดอัยการจึงมีคำสั่งให้สอบพยานใหม่เพิ่มเติม พล.ต.ท.ศานิตย์ ยอมรับว่า จนถึงตอนนี้ยังเข้าใจว่า อัยการสั่งพนักงานสอบสวนจากการที่ทีมกฎหมายของ บอส วรยุทธ ไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมโดยตรงกับอัยการ เพราะจากการพูดคุยกับพนักงานสอบสวน ทราบว่า มีคำสั่งจากอัยการมีให้เรียกสอบพยานหลายปาก แต่พอลงพื้นที่แล้ว ไม่สามารถติดตามตัวพยานได้
"นิพิฏฐ์"จี้สอบ กมธ.ยุคสนช. เสนอ อัยการสูงสุด สอบพยาน"บอส"เพิ่ม
ส่วนรายละเอียดที่ระบุในหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของ บอส วรยุทธ มีคำขอในประเด็นไหนบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์ ระบุว่า ไม่ทราบ เพราะตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทำให้บางครั้งติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมประชุม หรือ อยู่ประชุมได้ไม่นาน ทำให้ไม่ทราบรายละเอียด แต่จำได้ว่าในขณะนั้นไม่มีข้อเรียกร้องขอให้สอบพยานใหม่
ซึ่งในฐานะตำรวจ พล.ต.ท.ศานิตย์ เสนอว่า คดีนี้ควรเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล เพื่อฟื้นคืนความเชื่อมั่นของสังคมต่อกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่การตัดตอนในชั้นพนักงานสอบสวนหรืออัยการ เพราะแม้ว่าก่อนหน้านี้ พี่ชายของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เปิดเผยว่า ได้ทำข้อตกลงกับครอบครัวของนายวรยุทธ ไว้ว่า จะไม่ฟ้องร้องคดีทั้งทางแพ่งและอาญา หลังรับเงินเยียวยาจำนวน 3 ล้านบาท แต่ตามกฎหมายแล้ว คดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ข้อตกลงดังกล่าวจึงถือว่าเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ ยังให้ความเห็นว่าการฟ้องร้องจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อมีการพิสูจน์ประจักษ์ชัดแล้ว ด.ต.วิเชียร ไม่มีความผิดฐานประมาทร่วม เพราะตอนนี้ ด.ต.เชียร ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องหาคนที่ 2 นอกจากนี้จากการติดตามคดีพบว่าครอบครัวของ ด.ต.วิเชียร อาจไม่มีความพร้อมในการสู้คดี จึงอยากให้องค์กรด้านกฎหมาย เข้ามาช่วยเหลือในทางคดี
อัยการเคยสั่งตีตกพยาน 2 ปาก ทำ “บอส” หลุดคดี ชี้ไม่ใช่หลักฐานใหม่
พบกมธ.กฎหมายยุค สนช. ตั้งคณะทำงานคดี “บอส วรยุทธ”
แม้พล.ต.ท.ศานิตย์ จะยืนยันว่า เท่าที่จำได้ กรรมาธิการกฎหมายชุดปี2557 ได้ตีตกคำร้องของบอส วรยุทธไปแล้ว แต่เมื่อย้อนไปดูข้อมูลจากรายงานในเอกสารสรุปผลงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2559-2560 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย ชุดที่ พล.ร.ทอ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน แจ้งว่ามีการตั้งคณะทำงานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเบื้องต้น คดีของนายวรยุทธ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่กรรมาธิการชุดนี้ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบมีการประสานงานและมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ทนายความของนายวรยุทธ ยื่นเรื่องหลายครั้ง
ย้อนคดี “ทายาทกระทิงแดง” พบทำสำนวนอ่อน