คุก 12 ปี "นาจิบ ราซัค" อดีตนายกมาเลย์ ทุจริต 1MDB


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คดีทุจริตกองทุน 1MDB ของมาเลเซีย ที่กลายเป็นคดีอื้อฉาวระดับโลก หลังพบการโอนเงินจากกองทุนเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซักกว่า 2 หมื่นล้านบาท หลังจากพิจารณาคดีมากว่า 2 ปี วันนี้ศาลสูงตัดสินให้นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมีความผิดฐานฟอกเงินใช้อำนาจในทางที่ผิด และละเมิดต่อหน้าที่ โดยศาลตัดสินโทษจำคุก 12 ปี ที่เขาจะต้องเข้าคุกโดยทันที หากศาลปฏิเสธคำร้องงดการบังคับคดีของเขา

เป็นมหากาพย์สำหรับการยักยอกเงินจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ หรือ กองทุน 1MDB ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ในสมัยที่นาจิบ ราซัคเป็นนายกรัฐมนตรี มีจุดประสงค์เพื่อนำเงินของรัฐไปลงทุนหาผลตอบแทนให้แก่ประเทศ

อดีตนายกฯ มาเลเซีย ถูกตั้งข้อหาฟอกเงิน

อย่างไรก็ตามเงินบางส่วนไม่ได้มีการนำไปลงทุนตามวัตถุประสงค์ และประมาณ 2 หมื่นล้านบาทถูกโยกย้ายเข้าบัญชีส่วนตัวของนาจิบ ราซัค

โดยคดีที่ตัดสินในวันนี้เป็นคดีที่มีการโอนเงิน ราซักจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 315 ล้านบาทเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตนายกคนนี้

ศาลสูงได้พิพากษาว่า อดีตนายกนาจิบ มีความผิด 7 ข้อหา มีทั้งข้อหาเกี่ยวกับการใช้อำนาจในทางที่ผิด ,ข้อหาเกี่ยวกับการละเมิดต่อหน้าที่

และสุดท้ายคือข้อหาฐานฟอกเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านการโอนจากบริษัทเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชันแนล บริษัทลงทุนด้านพลังงาน ที่เคยอยู่ภายใต้สังกัดกองทุน 1MDB มายังบัญชีส่วนตัวของนาจิบ

ซึ่งศาลตัดสินให้ นาจิบ ได้รับโทษจำคุก 12 ปี และขณะนี้เขากำลังเดินเรื่องให้ศาลงดการบังคับคดี หากคำร้องของเขาได้รับการตอบรับ เขาจะมีสิทธิ์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล แต่ถ้าหากคำร้องนี้ถูกปฏิเสธ เขาจะติดคุกโดยทันที

เงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 300 ล้านบาทก้อนนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเงิน จากเงินทั้งหมดกว่า 2 หมื่นล้านบาทที่ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนาจิบ ที่ถูกพบว่านำไปซื้อบ้าน เครื่องบินส่วนตัว จนถึงนาฬิกาชาแนล

นาจิบ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรกที่ศาลอาญาตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งแต่ละข้อหานั้นมีโทษจำคุก 15-20 ปี ซึ่งนาจิบเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาล

นาจิบ ยังต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีอื่นๆ อีก 4 ครั้ง เนื่องจากเขาถูกตั้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงครั้งนี้ถึง 42 กระทง

เมื่อวานนี้เขาได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ตั้งแต่เขาแพ้การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่มืดมน และเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคำตัดสินของศาล

อดีตผู้นำมาเลเซียขึ้นศาล “ข้อหาทุจริต-ใช้อำนาจมิชอบ”

นาจิบ กล่าวว่า เขาต้องการความยุติธรรม และต้องการล้างความผิดออกจากชื่อของตัวเองโดยช่วงระหว่างการพิจารณาคดี 1-2 ปีมานี้ นาจิบ มักโพสต์ภาพชีวิตส่วนตัวกับครอบครัว ไปจนถึงแมวของเขาลงบนเฟซบุ๊ก

ขณะที่ภายนอกศาลวันนี้มีประชาชนจำนวนมากมาให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบเต็มท้องถนน ส่วนใหญ่เป็นคนที่สนับสนุนพรรคอัมโนที่นาจิบเคยเป็นผู้นำ เป็นพรรคที่ปกครองประเทศยาวนานที่สุดคือ 60 ปี ก่อนพ่ายแพ้ให้กับพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านปากาตัน ฮาราปันในการเลลือกตั้งเมื่อปี 2018 หรือ 2 ปีที่แล้ว

และเมื่อพรรคแนวร่วมปากาตัน ฮาราปันเข้ามาเป็นรัฐบาลในปี 2018 คดีฉ้อโกงกองทุน 1MDB ก็ถูกนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง และนาจิบ ราซัค ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงหลายข้อหา

โดยก่อนหน้านี้สื่อต่างชาติเคยเปิดโปงการฉ้อโกงของเขา แต่ก็ไม่เคยไม่การดำเนินคดีเลยระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การตัดสินคดีของนาจิบ ราซัค ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการทดสอบกระบวนการยุติธรรมของมาเลเซียครั้งสำคัญ เพราะเป็นช่วงเวลาที่พรรคอัมโนของนาจิบ เพิ่งกลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ราว 5 เดือน หลังมหาธีร์ มูฮัมหมัด ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะก่อนหน้านี้การตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการยุติธรรมของศาลถูกแทรกแซง เมื่อพรรคอัมโนกลับมามีอำนาจ

ตั้งแต่พรรคอัมโนกลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หลายคดีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงกองทุน 1MDB ถูกปัดตก

ปปช.มาเลเซีย จับภรรยา “นาจิบ” ข้อหาฟอกเงิน

ริซา อาซิซ ลูกเลี้ยงของนาจิบ ราซัค คือหนึ่งในนั้น เขาคือสมาชิกครอบครัวของนาจิบที่ถูกอัยการฟ้องฐานยักยอกเงินออกจากกองทุน 1MDB จำนวนราว 7 พันล้านบาท ไปสร้างหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง The Wolf of Wall Street

แต่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อัยการกลับสั่งยกฟ้องคดีนี้ แต่ให้เขาเอาทรัพย์สินกลับคืนให้มาเลเซีย

คดีทุจริตกองทุน 1MDB ถือเป็นอีกคดีทุจริตทางการเมืองที่อื้อฉาวที่สุดของโลก เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินจำนวนมหาศาลมากว่าสิบปี และมีสมาชิกในครอบครัวของนาจิบเองพัวพันกับการฉ้อโกงครั้งนี้

กองทุน 1MDB คืออะไร? และกระบวนการฉ้อโกงเกิดขึ้นอย่างไร?

กองทุน 1MDB คือกองทุนความมั่นคงแห่งชาติของมาเลเซีย ที่นาจิบ ราซัค ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2009 ในสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมุ่งสร้างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศ

กองทุนนี้เป็นของรัฐบาลมาเลเซีย โดยมีนาจิบเป็นประธานและที่ปรึกษากองทุน ในระหว่างปี 2009 ถึง 2013 กองทุนนี้มีโครงการร่วมมือกับบริษัทต่างชาติ และจัดตั้งโครงการลงทุนจำนวนเงินมหาศาลภายในประเทศ

ทั้งร่วมดำเนินธุรกิจกับบริษัทน้ำมัน PetroSaudi ของซาอุดิอาระเบียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2009

นำเงินจากกองทุนไปสร้างตึก Tun Razak Exchange ตึกสูงที่สุดในมาเลเซีย เป็นตึกที่นาจิบต้องการให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินของมาเลเซียในปี 2012

ไปจนถึงร่วมกับ Goldman Sachs สถาบันการเงินขนาดยักษ์ของสหรัฐฯ ในการจัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อระดมทุนเข้าสู่กองทุนมูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระหว่างปี 2012-2013 ที่ต่อมาพบว่าเงินจำนวน 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ได้จากการขายตราสารหนี้ถูกถ่ายโอนให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซีย

การฉ้อโกงกองทุนนี้เริ่มปูดขึ้นมาในปี 2015 หลังกองทุนผิดชำระหนี้กับธนาคาร 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

และต่อมาการฉ้อโกงยิ่งถูกเปิดโปงมากขึ้น เมื่อ The Wall Street Journal สื่อสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เงินจำนวน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกองทุน 1MDB ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนาจิบ ราซัค

ตั้งแต่นั้นมานาจิบ ราซัค เริ่มปลดอัยการที่เป็นหัวหน้าทีมสอบสวนกองทุนออกจากตำแหน่ง ไปจนถึงพยายามกำจัดคนเห็นต่างภายในพรรคและรัฐบาลของตัวเอง

ต่อมาทางการมาเลเซียได้ทำการสืบค้นและกล่าวหาว่า เงินจำนวนกว่า 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 140,000 ล้านบาท ถูกยักยอกออกจากกองทุน และได้ถูกนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ เครื่องบินส่วนตัว งานศิลปะแวนโก๊ะ จนถึงเอาไปเป็นทุนสร้างหนังฮอลลีวู้ด The Wolf of Wall Street

โดยในการพิจารณาคดีในวันนี้เป็นเพียงการพิจารณาส่วนหนึ่งขอข้อหาทั้งหมดเท่านั้น

วันนี้เป็นการพิจารณาคดีส่วนของเงินยักยอกจำนวนกว่า 10 ล้านดอลล่าร์หรือ 300 ล้านบาท ที่ถูกพบว่า นาจิบนำไปซื้อเครื่องประดับในอิตาลีจำนวนกว่า 25 ล้านบาทภายในวันเดียว และซื้อของที่ร้านชาแนลจำนวน 3.4 ล้านบาท ที่เกาะฮาวายของสหรัฐฯ ที่ต่อมาพบว่าเป็นการซื้อนาฬิกาชาแนลให้ภริยาคือ นางรอสมาห์ มานซอร์

ทั้งนี้ภริยาของนาจิบถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงเช่นเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้ตำรวจมาเลเซียได้ยึดกระเป๋าแบรนด์เนมหลายร้อยใบ เครื่องประดับ และสิ่งของมีค่าของภริยานาจิบเรียบบร้อยแล้ว

นาจิบ ให้การว่า การซื้อของเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการทำงาน และให้การว่าโจ โลว์ นักธุรกิจคนสนิทของเขา และเจ้าหน้าที่จัดการกองทุนทำให้เขาคิดว่า เงินส่วนนี้เป็นเงินบริจาคจากราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย

ภรรยาอดีตนายกฯมาเลเซียถูกเรียกสอบคดีทุจริต

การตัดสินคดีของนาจิบ ราซัค มีความสำคัญอย่างมากต่ออนาคตการเมืองมาเลเซีย คดีทุจริตกองทุน 1MDB เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พรรคแนวร่วม Barisan Nasional หรือแนวร่วมแห่งชาติ ที่มีพรรคอัมโนเป็นสมาชิกแพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในปี 2018 ไปจนถึงทำให้มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคอัมโน หันไปร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน จนได้เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2018

พรรคแนวร่วมแห่งชาติของมาเลเซียอยู่ในยุคถดถอยตั้งแต่นาจิบมีคดีอื้อฉาวระดับโลก

ปัจจุบันนี้นาจิบยังครองตำแหน่ง ส.ส.อยู่ และจะยังดำรงตำแหน่งนี้ต่อไป ระหว่างที่เขายื่นอุทธรณ์ต่อศาล แต่จะไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไปได้ หากเขายังมีคดีติดตัวอยู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับเข้าไปสู่การเมืองเพื่อช่วยเหลือคดีตัวเอง

หลังจากมหาธีร์ โมฮัมหมัดลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนก.พ.พรรครัฐบาลแนวร่วมปากาตัน ฮาราปันได้แตกออก จนพรรคอัมโนของนาจิบได้กลับเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในตอนนั้นนาจิบ คิดว่า พรรคของเขาคงจะทำให้เขาพ้นจากคดีนี้ได้แต่เขาคิดผิด

มูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบัน อดีตสมาชิกพรรคอัมโนที่เคยมีปัญหากับเขา ประกาศแล้วว่าเขาจะไม่แทรกแซงการพิจารณาคดีนี้ อีกทั้งเตรียมตั้งองค์กรปราบคอร์รัปชั่นในประเทศ

มูห์ยิดดิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และยังเป็นนักการเมืองที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยปรากฏตามสื่อ ย่อมได้คะแนนความนิยมจากประชาชน หากนาจิบถูกตัดสินว่ามีความผิด และอาจเป็นเรื่องยากสำหรับพรรคอัมโน พรรคที่ปกครองประเทศมากกว่า 60 ปีจะกลับมาชนะการเลือกตั้งในปี 2023

ภรรยาอดีตนายกฯมาเลเซียเจอข้อหา "ฟอกเงิน-หนีภาษี"

 

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ