กรณี “บอส อยู่วิทยา” หรือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ยังเป็นเผือกร้อนที่คล้ายกำลังโยนกันไปมา หลังจากความจริงที่เก็บงำถูกเปิดเผย “รองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดี” ส่งต่อ “ตำรวจสั่งไม่ฟ้องคดี” ไม่โต้แย้งอัยการ ทำให้ตามกฎหมายคดีถือว่ามีคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด “บอส อยู่วิทยา” ที่เคยเป็นผู้ต้องหาหนีคดีขับรถชนตำรวจ บัดนี้พ้นมลทิน ไร้ความผิดติดตัว
เผยเบื้องหลังนำ 2 พยานพลิกคดี“บอส อยู่วิทยา” เข้าสำนวนผ่านกมธ.สนช.
อัยการเคยสั่งตีตกพยาน 2 ปาก ทำ “บอส” หลุดคดี ชี้ไม่ใช่หลักฐานใหม่
มีการตั้งคณะกรรมการ คณะทำงาน เดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ จากองค์กรต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ชุด อาทิ คณะทำงานของนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการสูงสุด สภาทนายความ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรรมาธิการกฎหมายกิจการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กรรมาธิการตำรวจฯ หาคำตอบในประเด็นที่สังคมฉงนสงสัยในการใช้ดุลพินิจสั่งคดี ประเด็นของประจักษ์พยานเก่าเล่าเรื่องใหม่ ที่ปรากฏในสำนวน หลังคดีผ่านไป 7 ปี เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ตำรวจก็เปลี่ยนสูตรคำนวณความเร็วรถใหม่หลังผ่านไป 4ปี ตอกย้ำพยานหลักฐานเปลี่ยน ทำให้คดีพลิก !!
การตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานตรวจสอบเรื่อง "บอส อยู่วิทยา" หลายชุด จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ทางคดี ที่ยุติเด็ดขาดไปแล้วได้หรือไม่!?
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ให้ความเห็นว่า นอกจากการรื้อฟื้นคดีที่ต้องให้ทายาทของผู้ตายฟ้องเองโดยหาพยานหลักฐานใหม่แล้ว ยังมีวิธีการทำได้ 2 วิธี
1.หากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ คณะทำงานต่างๆพบว่ามีความบกพร่อง ผิดปกติ อันขัดต่อกฎหมาย ในการใช้ดุลพินิจสั่งคดี หรือหลักฐานได้มาโดยมิชอบ จะส่งผลให้การสั่งคดี “บอส อยู่วิทยา” มิชอบด้วยกฎหมาย ผู้มีอำนาจ ในที่นี้อาจเป็นอัยการสูงสุด สามารถสั่งรื้อฟื้นเริ่มต้นการพิจารณาหลักฐานอีกครั้งเปิดช่องให้มีการใช้ดุลพินิจสั่งคดีได้อีกครั้ง
"แต่โอกาสที่ผลสอบของคณะทำงานหรือคณะกรรมการจะออกมาแบบฟันธงว่ามีความผิดปกติของคนในองค์กร คงเป็นไปได้ยาก ทางนี้จึงเป็นทางเลือกที่ทำได้ แต่จะกล้าทำกรีดเลือดตัวเองหรือเปล่า โดยมองว่ายาก จะกล้าทำหรือเปล่า"
วิธีที่ 2.กฎหมายให้ช่องไว้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 147 "เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นในเรื่องเดียวกันนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้"
คดีนี้มีพยานหลักฐานใหม่ พยานที่ไม่เคยไปให้การ ไม่เคยอยู่ในสำนวน คือ พยานผู้เชี่ยวชาญคนใหม่ “ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”ที่คำนวณความเร็วรถของนายบอส ได้ 177กิโลเมตรของชั่วโมง ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถรื้อคดีขึ้นมาใหม่ได้เลย นำอาจารย์เข้าไปเป็นพยาน และเชื่อว่ายังมีพยานหลักฐานอื่นอีก ที่อาจยังไม่ปรากฏในสำนวน ยังไม่ถูกพิสูจน์ สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานใหม่ได้ พนักงานสอบสวนทำได้เอง
ทั้ง 2 วิธีทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือไม่?
มุมมองทางกฎหมายของทนายเดชา สอดคล้องกับ น.ส.ณัฐวสา ฉัตรไพฑูรย์ อัยการพิเศษฝ่ายสถาบันกฎหมายอาญา ที่ออกเอกสารเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ ตอบสังคมว่าเหตุใดอัยการจึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" โดย ในข้อที่ 7 อัยการพิเศษท่านนี้ให้ความเห็นว่า “แม้พนักงานอัยการได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ก็ไม่ตัดสิทธิของผู้เสียหายที่จะยื่นฟ้องต่อศาลเอง นอกจากนี้ ในกรณีที่ปรากฎพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้ ก็อาจมีการรื้อฟื้นคดีโดยพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนพยานหลักฐานใหม่เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหานั้นใหม่ได้ตามกฎหมาย
จากนี้คงต้องจับตาว่า คดีนี้จะไปต่ออย่างไร ทางเลือก 2 ทาง ทีเสมือนทาง 2 แพร่ง ทางหนึ่งคือ "ยอมรับ" ในความผิดพลาด ลงดาบ ลงทัณฑ์ให้เห็นหากมีผู้ทำผิดเพื่อกู้ชื่อเสียงเรียกศรัทธากระบวนการยุติธรรมคืนมา แต่นั่นราวกับยอมสาวไส้ให้กากิน แต่อีกทางเลือกคือการรับกลายๆแล้วเดินหน้ารื้อคดีต่อ ดันพยานใหม่เข้า่สำนวนโดยไม่ต้องชี้ชัดฟันว่าใครผิดหรือถูก ทางออกของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร !!
ย้อนคดี “ทายาทกระทิงแดง” พบทำสำนวนอ่อน
อสส. ตั้งกรอบ 3 ประเด็น ตรวจสอบคำสั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ”