ช่วงหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ของนายพีระพันธุ์ ในรายงานโชว์ข่าว 36 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 3 ส.ค. 2563) ซึ่งโดยใจความสำคัญที่นายพีระพันธุ์ แสดงความเห็นนั้นพุ่งเป้าไปที่พนักงานสอบสวนว่ามีหน้าที่ตั้งข้อสงสัย หาหลักฐานมากล่าวหา โดยเฉพาะพยาน 2 ปากที่มีการสอบสวนเพิ่มเติมนั้นเป็นประจักษ์พยานจริงหรือไม่ และคำให้การนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด
เผยเบื้องหลังนำ 2 พยานพลิกคดี“บอส อยู่วิทยา” เข้าสำนวนผ่านกมธ.สนช.
นอกจากนี้นายพีระพันธุ์ยังอธิบายข้อกฎหมายประเด็นกระทำโดยประมาทด้วยว่าองค์ประกอบความผิดไม่ได้อยู่ที่การขับรถเร็วหรือช้าแต่อยู่ที่ประมาทหรือไม่ โดยยกตัวอย่างคดีคนในครอบครัวถอยรถทับเด็กตาย เขาไม่ได้เจตนา แต่ก็ถือว่าประมาทเลินเล่อ ดังนั้นความเร็วรถเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น
ช่วงท้ายการสัมภาษณ์ นายพีระพันธุ์ บอกว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีนี้ผลจะเป็นอย่างไรไม่ทราบและไม่ขอก้าวล่วง แต่เชื่อว่าคนที่เป็นนักกฎหมายถ้าดูแค่นี้ไม่ออกก็ถือว่าใช้ไม่ได้แล้ว ถ้าหลักกฎหมายเบสิกแบบนี้ยังทำไม่ได้ ไม่ลาออกก็ต้องไล่ออกช่วงท้ายการสัมภาษณ์ นายพีระพันธุ์ บอกว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีนี้ผลจะเป็นอย่างไรไม่ทราบและไม่ขอก้าวล่วง แต่เชื่อว่าคนที่เป็นนักกฎหมายถ้าดูแค่นี้ไม่ออกก็ถือว่าใช้ไม่ได้แล้ว ถ้าหลักกฎหมายเบสิกแบบนี้ยังทำไม่ได้ ไม่ลาออกก็ต้องไล่ออก
“ผมเชื่อว่าคนที่เป็นนักกฎหมาย ทำงานอาชีพนี้มาตลอดชีวิต ดูแค่นี้ไม่ออกก็ใช้ไม่ได้แล้วครับ เป็นหลักกฎหมายเบสิกพื้นฐาน ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเลย ของง่าย ๆ แบบนี้ถ้าทำงานกันไม่ได้ ไม่ลาออกก็ไล่ออกดีกว่า” นายพีระพันธ์ กล่าว
พบคำสั่งอัยการเปลี่ยนไปมาใน 37 วัน ก่อนไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ”
เอกสารใหม่ เผยเทคนิคสู้คดี 'บอส อยู่วิทยา' ยุติทุกข้อหา ไม่ผ่าน ผบ.ตร. ไม่ถึง อัยการสูงสุด!!
กมธ.ยุคสนช.เรียกสอบผู้เชี่ยวชาญความเร็ว จุดพลิกผันคดี "บอส อยู่วิทยา"
คดี 'บอส อยู่วิทยา' รื้อใหม่ได้ มีแล้ว 'พยานใหม่' ตัวแปรพลิกคดี!