เมื่อวันศุกร์ (31 ก.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าเขาจะแบนแอปพลิเคชันชื่อดังจากจีนอย่าง “TikTok” สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ผู้ใช้แอปพลิเคชัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้รับการยกย่องจากผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว ซึ่งกังวลว่ารัฐบาลจีนอาจเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ชาวอเมริกัน
“ทรัมป์” ประกาศ เตรียมลงนามคำสั่งแบน TikTok ในสหรัฐฯ
สหรัฐฯ เตรียมพิจารณาแบน Tiktok หวั่นข้อมูลรั่วไหล
TikTok เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแพลตฟอร์มสร้างสรรค์และแชร์การเต้นและวิดีโอตลกต่าง ๆ ที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบโดยเฉพาะเจน Z โดยมีสถิติถูกดาวน์โหลดไปทั่วโลกกว่า 2 พันล้านครั้ง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ทางการเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าแอปฯ ดังกล่าว ซึ่งเป็นของ “ไบต์แดนซ์ (ByteDance)” บริษัทเทคโนโลยีในกรุงปักกิ่ง จะทำให้รัฐบาลจีนได้ข้อมูลผู้ใช้งานไป
แม็ตต์ นาวาร์รา (Matt Navarra) นักวิจารณ์อุตสาหกรรมโซเชียลมีเดียจากอังกฤษกล่าวว่า “สถานการณ์นี้เกี่ยวพันกับองค์ประกอบความเป็นจีน และต้นกำเนิดของแอปพลิเคชันอย่างมาก”
ล่าสุด เมื่อวาน (3 ส.ค.) บริษัทไมโครซอฟต์ (Microsoft) ออกมายืนยันว่า กำลังดำเนินการเจรจาซื้อสิทธิ์การดำเนินงาน TikTok ในสหรัฐอเมริกาของแอปฯ จากไบต์แดนซ์ โดยมีเพียง 2 ทางเลือก คือขายสิทธิ์ในสหรัฐฯ หรือออกไปจากสหรัฐฯ
ไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ และอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) เผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของประชาชน
“คุณจะโหลดแอปฯ นี้ได้ก็ต่อเมื่อคุณต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณไปอยู่ในกำมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้น” ปอมเปโอกล่าว
ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ตั้งแง่กับ TikTok แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่มีความเคลื่อนไหวคล้ายกัน ดังนี้
อินเดีย – ก่อนหน้านี้ อินเดียเป็นตลาดผู้ใช้ TikTok ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน มีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคน แต่ภายหลังจากเกิดการปะทะและความตึงเครียดบริเวณชายแดนเทือกเขาหิมาลัยช่วงกลางเดือนมิถุนายน ก็ทำให้อินเดียประกาศแบนแอปพลิเคชันสัญชาติจีนมากก่า 50 แอปฯ อาทิ TikTok, Shein, WeChat, Baidu โดยอ้างเหตุผลเรื่องภัยความมั่นคงของชาติ ฟอร์บสประเมินว่า TikTok สูญเสียรายได้ไปอย่างน้อย 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 186 ล้านบาท) จากการแบนของอินเดีย
อินเดียสั่งแบนแอปฯ TikTok หลังความตึงเครียดกับจีนบานปลาย
ออสเตรเลีย – รัฐบาลออสเตรเลียกำลังทำการตรวจสอบแอปพลิเคชัน โดยเป็นคำสั่งของ สกอตต์ มอร์ริสัน (Scott Morrison) นายกรัฐมนตรี พันธมิตรของทรัมป์ มอบหมายให้หน่วยข่าวกรองและกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจาก TikTok รวมถึงนโยบายด้านข้อมูลและความเป็นส่วนตัว
สหภาพยุโรป – ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการว่าแอปฯ TikTok ถูกแบน แต่เบื้องต้นได้รับการตรวจสอบจากกลุ่มเฝ้าระวังการปกป้องข้อมูล ซึ่งพยายามตรวจเช็กนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปฯ
ญี่ปุ่น – กลุ่มผู้ร่างกฎหมายในญี่ปุ่น เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นตรวจสอบแอปฯ จีนในประเทศ และการจัดการข้อมูลผู้ใช้ เนื่องจากมีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น ระบุว่า ข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องได้รับการปกป้อง และกำลังพยายามจำกัด การใช้ TikTok และแอปฯ อื่น ๆ ของจีน แม้พวกมันจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศก็ตาม
ตุรกี – เรเจป ไทยิป แอร์โดกัน (Recep Tayyip Erdogan) ประธานาธิบดีตุรกีมีความพยายามตลอดมาที่จะควบคุมสื่อต่าง ๆ ในประแทศ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย โดยรัฐสภาตุรกีเพิ่งผ่านกฎหมายห้าม Facebook, Twitter และ YouTube ดำเนินการในประเทศ เว้นแต่จะปฏิบัติตามแผนงานของรัฐบาลในการควบคุมแพลตฟอร์มสำคัญต่าง ๆ เช่น ลบโพสต์ที่รัฐบาลเป็นว่า “เป็นปัญหา” และเมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศได้เริ่มทำการตรวจสอบ TikTok และวิธีที่แอปฯ จัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล
อินโดนีเซีย – อินโดนีเซียสั่งแบนแอปฯ ชั่วคราวเมื่อปี 2018 โดยอ้างถึงความกังวลเรื่อง “ภาพอนาจาร เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และการดูหมิ่น” แต่การแบนถูกปลดใน 1 สัปดาห์ต่อมา หลังจากแอปฯ ตกลงที่จะตรวจสอบ เซนเซอร์ และลบเนื้อหาบางส่วนที่รัฐบาลมองว่า “ไม่เหมาะสมและไม่เป็นประโยชน์” ทั้งนี้ ปัญหาความเป็นส่วนตัวและความตึงเครียดทางการเมืองกับจีนที่ยังมีอยู่เนือง ๆ อาจทำให้ในอนาคตอินโดนีเซียมีแนวทางจัดการ TikTok ที่รุนแรงขึ้น
ปากีสถาน – เมื่อเดือนกรกฎาคม รัฐบาลปากีสถานออก "คำเตือนครั้งสุดท้าย" ถึง TikTok เนื่องจากมีความกังวลคล้าย ๆ กับอินโดนีเซีย ระบุว่า แอปฯ จะถูกบล็อกในประเทศ หากไม่ลบเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม ลามก และหยาบคาย ออกจากแพลตฟอร์ม
อัปเดตข่าว สถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด 4 ส.ค. 63
อัปเดตข่าวสถานการณ์ โควิด-19 (COVID-19) ล่าสุด 4 ส.ค. 63
เรียบเรียงจาก Washington Post