เปิดสาเหตุ สหรัฐฯ เตรียมแบน TikTok แอปฯสัญชาติจีน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ตั้งแต่โลกเจอกับวิกฤตโควิด-19 ที่หลายคนต้องกักตัว หรือทำงานจากบ้านมากขึ้น TikTok แอปพลิเคชั่นสัญชาติจีน ได้ขึ้นมาเป็นแอปพลิเคชั่นยอดนิยมของคนหลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นอเมริกัน ที่ใช้ TikTok เพื่อความบันเทิง จนถึงใช้เป็นแพลตฟอร์มแสดงความเห็นทางการเมือง

ภายหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ประกาศเตรียมแบน TikTok ในสหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่า ข้อมูลชาวอเมริกันอาจรั่วไหลไปยังรัฐบาลจีนได้

อินเดียสั่งแบนแอปฯ TikTok หลังความตึงเครียดกับจีนบานปลาย

โดยเรื่องนี้ทำให้บรรดาผู้ใช้ Tik Tok ในสหรัฐไม่พอใจ ออกมาประท้วงตั้งคำถามว่า ทรัมป์แบน TikTok เพราะความมั่นคง หรือเพราะกลัวจะกระทบต่อความนิยมของตัวเอง

ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ร่วมกันโพสต์วิดีโอพร้อมกับแฮชแท็ก #SaveTikTok หลังจากที่อาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่แบน Tiktok แอปพลิเคชั่นของจีนที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอเมริกัน เช่น ผู้ใช้เหล่านี้ที่กล่าวโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า ถึงแม้เขาจะเป็นประธานาธิบดี เขาก็ไม่มีสิทธิที่จะแบน TikTok

นอกจากนี่ข่าวที่ทรัมป์จะแบน Tik Tok ก็ทำให้บรรดาเซเลปบน Tik Tok เริ่มอำลาบรราดาผู้ติดตามแล้ว เช่น Michael Le ผู้ใช้ TikTok ที่มีคนติดตามถึงกว่า 35 ล้านคน ได้โพสต์วิดีโอเพื่ออำลาแฟน ๆ หลายล้านคนของเขา

ทั้งนี้วัยรุ่นชาวอเมริกันหลายคนใช้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ เนื่องจากTikTok เป็นพื้นที่บนโลกออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ใครก็ได้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แถลงว่า พร้อมปิดกิจการแอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐฯ หาก TikTok ไม่ขายกิจการให้บริษัท Microsoft ภายในวันที่ 15 กันยายนที่จะถึงนี้ สาเหตุหนึ่งก็คือบริษัท Microsoft คือบริษัทสัญชาติอเมริกัน

หลายประเทศเล็งแบน “TikTok” หวั่นข้อมูลประชาชนรั่วไหลและเป็นภัยความมั่นคง

เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์มองว่า แอปพลิเคชัน TikTok สัญชาติจีนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เพราะข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ TikTok อาจรั่วไหลไปยังรัฐบาลจีนได้

ซึ่งขณะนี้ Microsoft กำลังเจรจากับบริษัท ByteDance ในประเทศจีนที่เป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok

ด้าน Vanessa Pappas ผู้จัดการทั่วไปของ TikTok ในสหรัฐฯ ได้ออกมาโพสต์วิดีโอบนโซเชียลมีเดีย เพื่อกล่าวขอบคุณผู้ใช้งานชาวอเมริกันที่คอยสนับสนุนแอปพลิเคชัน TikTok มาโดยตลอด และย้ำว่า บริษัทไม่มีแผนการยุติกิจการในสหรัฐฯ และพร้อมที่จะเป็นพื้นที่บนโลกออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานทุกคน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายราย มองว่า นอกจากความกังวลเรื่องความมั่นคงของชาติที่ส่งผลให้รัฐบาลทรัมป์ประกาศแบนแอปพลิเคชันสัญญาติจีนนี้ อีกเหตุผลหนึ่งคือ อิทธิพลของ Tik Tok ต่อการเมืองที่ทำให้ทรัมป์เสียศูนย์

สหรัฐฯ เตรียมพิจารณาแบน Tiktok หวั่นข้อมูลรั่วไหล  

ที่ชัดเจนคือ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้ใช้ Tiktok จำนวนมากที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นใช้แอปพลิเคชันนี้ดัดหลังทรัมป์ ด้วยการออกมารณรงค์ให้คนไปช่วยกันลงทะเบียนจองตั๋วไปงานหาเสียงของทรัมป์ เพื่อให้เขาเข้าใจผิดว่ามีคนไปงานหาเสียงจนล้นแน่น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ วัยรุ่นเหล่านี้กลับไม่ไปร่วมงาน จนภาพงานหาเสียงของทรัมป์ในรัฐโอกลาโฮมาที่ปรากฎคือ เก้าอี้หลายพันตัวที่ว่างเปล่า

ทำให้ TikTok จึงกลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่คนรุ่นใหม่ใช้สร้างความปั่นป่วนให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

สำหรับ TikTok เป็นที่นิยมในจีนก่อนที่จะเผยแพร่ความนิยมไปทั่วโลก จนปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านคน สหรัฐฯ มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่น TikTok ราว 40 ล้านคน นับเป็นประเทศที่มีผู้ใช้ TikTok มากที่สุดเป็นอันดับที่สอง รองจากอินเดีย ซึ่งร้อยละ 60 ของผู้ใช้งานเหล่านี้คือวัยรุ่นอายุระหว่าง 16-24 ปี หลายคนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งนี้อย่างมาก

สื่อจีน จวกสหรัฐฯ “ขโมย” TikTok บีบขายกิจการ

การประกาศแบนแอปฟลิเคชัน TikTok ในสหรัฐฯ ครั้งนี้ ส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษอาจยกเลิกการเปิดสำนักงานใหญ่ของ TikTok ในกรุงลอนดอนด้วยเช่นกัน Tiktok แอปพลิเคชั่นทรงอิทธิพลสัญชาติจีน กลายเป็นแอปพลิเคชั่นที่หลายประเทศเคลือบแคลง

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายนิติบัญญัติของอังกฤษได้ร่างจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษแบนบริษัท ByteDance โดยให้เหตุผลว่า TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เช่นเดียวกับ Huawei บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จากจีน

เมื่อเดือนนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษประกาศแบน Huawei และห้ามผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในอังกฤษซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากผู้ผลิตรายใหญ่ของจีนรายนี้หลังปี 2020 เป็นต้นไป และอังกฤษเองจะกลายเป็นประเทศที่ปลอดจากอุปกรณ์โทรคมนาคม 5G ของ Huawei และจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ของจีนภายในปี 2027 ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงเช่นกัน

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ