จากกรณีที่ข่าวมีส.ส.รวมกลุ่มตบทรัพย์ ในคณะอนุ กมธ.งบประมาณปี2564 ที่ถูกอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แฉว่า ถูกเรียกรับเงิน 5 ล้านบาทแลกกับการผ่านงบประมาณให้นั้น
"เรืองไกร" แฉวิธีส.ส."ตบทรัพย์" ล็อกผู้รับเหมาแลกไม่ตัดงบ
วันนี้ 13 ส.ค. 2563 นายวิลาส จันทรพิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวพีพีทีวี ว่า ตลอดการทำงานในสภามา 30 ปี พฤติกรรมการเรียกรับหัวคิวระหว่างการพิจารณางบประมาณไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกแต่เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยพฤติกรรมแบ่งออกได้หลายระดับ
ระดับแรก นายวิลาส เรียกว่าเป็นพวกเด็กใหม่ จะใช้วิธีการยกหูโทรศัพท์ไปหาอธิบดีหรือข้าราชการประจำ เพื่อเจรจาเรียกรับเงิน คล้ายกับกรณีของอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลที่ออกมาแฉ
อีกระดับหนึ่ง คือ กลุ่มที่นายวิลาสเรียกว่าเป็น “มืออาชีพ” กลุ่มนี้จะใช้วิธีการเปิดห้องเจรจา ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ห้องจิ๋ว” โดยจะเจรจากันในช่วงก่อนเข้าประชุมคณะอนุ กมธ.พิจารณางบประมาณ เพราะ โดยปกติ ข้าราชการ หรือ อธิบดีที่จะเข้าชี้แจงจะต้องมารอก่อนเวลาเข้าประชุม ส.ส.แก๊งตบทรัพย์เหล่านี้ก็จะพยายามเรียกเข้าไปคุยในห้องจิ๋ว
ส่วนการตบทรัพย์อีกระดับหนึ่ง จะใช้วิธีให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในคณะอนุ กมธ. เข้ามาทำหน้าที่ล็อบบี้ก่อนการเข้าประชุม ซึ่งบุคคลที่ว่านี้อาจเป็น กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ หรืออาจจะเป็น ส.ส.อาวุโสที่มีอิทธิพล โดยหลังจากล็อบบี้ข้าราชการแล้ว ส.ส.คนนี้ก็จะเข้าไปนั่งในห้องประชุมด้วย เพื่อส่งสัญญานว่างบตัวไหนให้ผ่านได้ง่ายหรือยาก
“เรืองไกร” เตรียมยื่น “ชวน” ส่ง สตง.ตรวจสอบ อนุกมธ.ตบทรัพย์ 5 ล้าน
นายวิลาส ยังบอกด้วยว่า อนุกมธ.ตบทรัพย์นี้ จะเลือกเป้าหมายโดยดูงบประมาณจากที่เป็นงบลงทุน งบก่อสร้างจำนวนมากๆ แต่จะไม่ยุ่งกับพวกงบประจำ เช่น เงินเดือนข้าราชการ เพราะจะถูกตั้งข้อสังเกตจับผิดง่าย และหากอธิบดีคนไหนไม่ยอมตกลงรับข้อเสนอจ่ายเงิน แก๊งตบทรัพย์กลุ่มนี้ก็จะมีมาตรการที่เรียกว่าบทลงโทษ โดยจะทำให้เกิดการซักถามระหว่างการพิจารณางบประมาณ เช่น การพิจารณางบประมาณบางตัวอาจจะใช้เวลาจริงๆแค่ 30 นาที แต่หากไม่ยินยอมจ่ายเงินให้อาจจะถูกซักถามเป็นเวลานาน ทำให้เสียเวลาเป็นวันๆ
การกระทำแบบนี้ นายวิลาส ย้ำว่า การเรียกหัวคิวจากข้าราชการจะทำโดยอนุ กมธ.งบประมาณ คนเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำเป็นขบวนการ ช่วยกันซัก ตอบโต้ไปกลับเรื่อยๆ
ข้อมูลของนายวิลาส สอดคล้องกับข้อมูลที่ทีมข่าวได้รับมาจากหนึ่งในอนุกรรมาธิการที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เข้าชี้แจงในห้องประชุม ว่า วันนั้นในที่ประชุมมีการซักถามนายศักดิ์ดาอย่างดุเดือด ถึงกรณีการขุดเจาะบ่อบาดาล เช่น นายศักดิ์ดา ชี้แจงว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีศักยภาพที่จะขุดเจาะบ่อบาดาลเอง เพราะมีรถขุดเจาะอยู่ราว 80 คัน แต่อนุ กมธ.บางรายซักถามว่า การขุดเจาะโดยทำเองกับให้เอกชนทำ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร
นายวิลาส ยังบอกด้วยว่า ข้อมูลจากแหล่งข่าวทราบว่า ตอนนี้ไม่ได้มีแค่อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลคนเดียวที่ถูกเรียกรับเงิน แต่ เฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกระทรวงเดียว มีไม่ต่ำกว่า 3 กรม ถูกเรียกรับเงินเหมือนกัน แต่ไม่มีใครกล้าออกมาพูดเหมือนอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ส่วนตัวนายวิลาส ชื่นชมนายศักดิ์ดาที่มีความกล้าหาญ พร้อมกับบอกด้วยว่า ไหนๆนายศักดิ์ดาก็กล้าออกมาพูดแล้ว ก็ควรจะเผยชื่อมาเลยว่าเป็นใคร แต่ถึงจะไม่พูดตอนนี้คนบางส่วนก็รู้แล้วว่าเป็น ส.ส.คนไหน และก็เชื่อว่าครั้งหน้า ส.ส.คนนี้คงไม่กล้าไปตบทรัพย์ใครอีก
นายวิลาส บอกว่า เรื่องนี้น่าจะตรวจสอบไม่ยาก น่าจะมีพยานหลักฐานพอสมควร ขึ้นอยู่ที่หน่วยงานต่างๆที่ตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช. จะจริงจังแค่ไหน นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า ในห้องประชุมอนุกรรมาธิการจะมีการบันทึกเสียงไว้ ซึ่งหากนำมาเปิดฟังจริงๆ ก็น่าจะพอฟังออกว่า กระบวนการซักถามในที่ประชุม เป็นการซักแบบเนื้อๆ หรือซักถามแบบหาเรื่อง เพื่อถ่วงเวลาเพราะข้าราชการไม่ยอมตกลงจ่ายเงิน
“ชวน” ลั่น ตรวจสอบ “แก๊งตบทรัพย์” ควรให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ
ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายอนันต์ ผลอำนวย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายอนันต์ให้ความเห็นว่า หากสภาผู้แทนราษฎรสอบกันเอง คนจะครหาว่าช่วยกัน จึงจำเป็นต้องให้คนนอกมาสอบเรื่องนี้ เบื้องต้นสั่งการให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรประสานงานกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากสนใจดำเนินการเรื่องนี้ และ กำชับให้คณะกรรมาธิการให้ความร่วมมือ รวมถึงหวังว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เปิดเผยเรื่องนี้จะให้ข้อมูล
"ศิริพงษ์" เรียกร้อง อธิบดีน้ำบาดาล เปิดชื่อส.ส.ตบทรัพย์
ปลัดทส.คาด "เข้าใจผิด" ปมอนุกมธ.งบ ตบทรัพย์ 5 ล้านแลกผ่านงบ