เข้าสู่คืนที่ 2 ของการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน โดยไฮไลต์ของวันนี้ คือ การกล่าวสุนทรพจน์ของเหล่าสมาชิกครอบครัวทรัมป์ นำโดยสุภาพสตรีหมายเลข 1 รวมถึงลูกๆอย่าง เอริค และทิฟฟานี ทรัมป์
“เมลาเนีย ทรัมป์” สุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ
เมลาเนีย ทรัมป์ เลือกกล่าวสุนทรพจน์ผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์ จากสวนโรส การ์เดน ภายในทำเนียบขาว โดยมีทรัมป์ รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ และภริยา ร่วมนั่งฟังด้วย
สตรีหมายเลข 1 เน้นพูดถึงเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะการประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิว และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่กรณีของจอร์จ ฟลอยด์ จนมาถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เมืองเกโนชา รัฐวิสคอนซิน มาลาเนียเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง หันหน้าคุยกันอย่างผู้มีอารยะ ไม่ตั้งแง่กับคนอื่นเพียงเพราะเรื่องเชื้อชาติและสีผิว แถมยังบอกด้วยว่าวันนี้จะไม่พูดจาโจมตีฝ่ายตรงข้าม
นอกจากนี้ เธอยังพูดถึงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่รัฐบาลทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมลาเนียแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจทุกคนที่ได้รับผลกระทบพร้อมให้คำมั่นว่า สามีของเธอจะทำงานอย่างหนัก เพื่อดูแลชาวอเมริกันทุกคน ไปฟังเสียงกันค่ะ
ส่วน เอริค ทรัมป์ ผู้เป็นลูกชาย ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์จากอาคารรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันดีซี โจมตีพวกพรรคเดโมแครตว่า พยายามลบประวัติศาสตร์ ทำลายอนุสาวรีย์ และไม่เคารพธงชาติสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ยังส่งข้อความถึงผู้เป็นพ่อว่า กำลังทำให้สหรัฐอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ฝั่งลูกสาว ทิฟฟานี ทรัมป์ โจมตีสื่อบางสำนักที่มีอคติ และพยายามเป่าหูประชาชน
นอกจากครอบครัวแล้ว ยังมีแขกรับเชิญคนสำคัญอย่าง นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กล่าวสุนทรพจน์ส่งตรงมาจากนครเยรูซาเลม ของอิสราเอล
ขณะที่ Nielsen เผยผลการวัดเรตติงเปรียบเทียบระหว่างการพิธีเปิดประชุมใหญ่ของทั้ง 2 พรรค พบว่า ยอดผู้ชมถ่ายทอดสดในคืนแรกของพรรครีพับลิกันอยู่ที่ 17 ล้านคน น้อยกว่ายอดผู้ชมคืนแรกของเดโมแครต ซึ่งอยู่ที่ 19 ล้าน 7 แสนคน เช่นเดียวกับผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุด ซึ่งทรัมป์ยังมีคะแนนตามหลังไบเดนที่ประมาณ 42% ต่อ 52%
"ทรัมป์" ประกาศลงชิงเก้าอี้ ปธน.สหรัฐฯ สมัยที่ 2