ปาระเบิดใส่หลังคาบ้าน 5 ชีวิตหนีตายจ้าละหวั่น
ชาวนาสุโขทัย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด น้ำท่วมนาจมมิด
เกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในบ้านชั้นเดียวของนายเสริม ชุนเชย อายุ 68 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นนายเสริม ได้รับบาดเจ็บจากการโดนสะเก็ดระเบิดหลายแห่งทั่วร่างกาย ญาตินำส่งโรงพยาบาลบางสะพานทันที ส่วนสภาพบ้านได้รับความเสียหาย พบเศษกระจกแตกเกลื่อน ฝาผนังเป็นรูพรุนจำนวนมาก รวมถึงกำแพงอีกด้านของห้องถูกแรงระเบิด แตกทะลุพังเสียหาย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุด EOD ชุดพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางสะพาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เบื้องต้นพบหลักฐานเป็นสลักระเบิด ตกอยู่ด้านข้างหน้าต่างห้องที่เกิดเหตุ และพบหน้าต่างห้องมีลักษณะเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย คาดว่าจะเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุ ปาระเบิดเข้าไปในห้องก่อนหลบหนีไป
ตำรวจจึงเร่งทำการสืบสวนและนำไปสู่การตรวจค้นปิดล้อมบ้านผู้ต้องสงสัยหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร จนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายนภัทร หรือตูน จันทร์สุภา อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของนายเสริม หลังก่อเหตุได้หลบหนีมาอยู่บ้านหลังนี้ เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังปิดล้อมบ้าน และต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากมีข้อมูลว่านายนภัทร มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง จึงให้ญาติพยายามช่วยเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จนสุดท้ายนายนภัทร ยอมเปิดประตูออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการตรวจค้นภายในห้อง พบนายนภัทร ผู้ก่อเหตุ หลบอยู่มุมห้องกับเพื่อน มีอาการคล้ายคนเมายา เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่นายนภัทร ให้การวกไปวนมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ภายในห้องพบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ก่อนนำตัวนายนภัทรและเพื่อน ไปสอบสวนที่สภ.บางสะพาน เพิ่มเติม
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บัญชาการตำรวจภูธร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่าสาเหตุครั้งนี้เกิดจากปัญหาภายในครอบครัวระหว่างนายนภัทร (หลาน)กับนายเสริม (ตา) เนื่องจากตามักจะเข้าไปตักเตือนว่ากล่าวหลาน ในเรื่องของยาเสพติด ก็เกิดความเครียดแค้นใจ ซึ่งเมื่อสบโอกาสจึงลงมือก่อเหตุ
ขณะที่ภรรยาของนายเสริม ผู้บาดเจ็บ ให้การว่าเห็นนายนภัทรเดินผ่านมาทางหลังบ้านไปยังข้างห้องนายเสริม สักพักก็เห็นนายนภัทร วิ่งย้อนกลับไปทางบ้านพักอย่างรวดเร็ว พร้อมกับได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จนนายเสริมได้รับบาดเจ็บ ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว และญาติยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการเมืองท้องถิ่นอย่างแน่นอน