สอบพระฉันเพลบนแพแล้ว ไม่ผิดวินัยแต่ไม่เหมาะสม
พระนั่งกรรมฐาน 37 วัน ขังตัวในเจดีย์ ฉันท์ฉี่แทนน้ำ
ตำรวจภูธรจังหวัดตราด เข้าตรวจสอบ พระภิกษุสงฆ์ขับรถเก๋ง มานั่งฉันท์อาหารอยู่ภายในเขื่อนริมน้ำบ้านท่าเรือจ้าง เขตเทศบาลเมืองตราด อ.เมือง จ.ตราด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่พบเห็น
เมื่อเดินทางไปถึงพบเพียงรถยนต์จอดอยู่ด้านข้างเขื่อนริมน้ำบ้านท่าเรือจ้าง ไม่พบพระภิกษุสงฆ์ พบอาหาร เครื่องดื่ม จำนวนมาก วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อน จึงเดินออกตามหาบริเวณโดยรอบ กระทั่งพบพระภิกษุสงฆ์ เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับบาตรพระ
จากนั้น ได้ขอตรวจสอบบัตรประชาชนและใบสุทธิพระ พร้อมให้เหตุผลที่มาขอตรวจสอบว่า เพราะมีประชาชนแจ้งว่ามีพระออกเรี่ยไรสิ่งของและเงิน เมื่อตรวจแล้วพบว่า เป็นพระภิกษุสงฆ์จริง ชื่อพระหรรษา เป็นพระลูกวัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองตราด บวชมาแล้ว 15 พรรษา และไม่มีการขอรับเงินบริจาคแต่อย่างใด ส่วนสิ่งของอาหารที่เห็น เป็นอาหารที่บิณฑบาตได้เมื่อเช้านี้ และจะเอามาให้ชาวบ้านบริเวณนี้
พระหรรษา ยอมรับว่า มานั่งบริเวณนี้เป็นวันที่ 2 แล้ว เพื่อพักผ่อนและฉันท์อาหารตามปกติ สถานที่ตรงนี้ก็เป็นร้านอาหาร ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่ ตำรวจ ได้ให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ที่พระมานั่งฉันท์อาหารแบบนี้ ออกมานั่งสถานที่แบบนี้ ควรอยู่ในที่ที่เหมาะสมมากกว่า ก่อนที่พระหรรษา จะพูดขึ้นมาว่า “จะมีปัญหากับผมหรอ” ก่อนจะยอมกลับวัดแต่โดยดี
โดยตำรวจ ได้นิมนต์ พระครูประโชติบุญญารักษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองบัว ในฐานะเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดตราด ที่วัดหนองบัว ได้สอบถามสาเหตุทั้งหมดกับพระหรรษา ถึงการกระทำในครั้งนี้ โดยเฉพาะการสอบถามถึงการจำวัดว่าตอนนี้จำวัดอยู่ที่ไหน แต่ปรากฏว่า พระหรรษา ตอบมาทั้งหมด 3 วัด ซึ่งทั้ง 3 วัด พระครูประโชติบุญญารักษ์ ได้ตรวจสอบกับเจ้าอาวาสวัดทั้ง 3 แล้ว ไม่พบว่าพระหรรษาเข้าจำวัดแต่อย่างใด มีแต่เพียงพฤติกรรม เข้าๆออกๆ วัดหลายแห่งในพื้นที่ และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการนุ่งกางเกงขับรถอออกจากวัด อ้างว่าไม่อยากให้เสื่อมเสีย ก่อนที่จะยอมรับความผิดและยอมให้สึกแต่โดยดี
พระครูประโชติบุญญารักษ์ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ดี อยากให้ช่วยกันสอดส่องดูแลพระที่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หากพบเห็นไม่ควรปิดบัง ควรแจ้งคณะสงฆ์หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้านหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตราด ให้ช่วยกันดูแลเพื่อประโยชน์ของพระพุทธศาสนาต่อไป