“จตุพร”แนะนศ.จับกลุ่มเป็นเอกภาพ สู้ในข้อเรียกร้องเดียวกัน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




อดีตแกนนำกลุ่ม นปช. มีความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาหลายๆกลุ่มขณะนี้ว่า การเดินเกมในรูปแบบต่างคนต่างเดิน กับข้อเรียกร้องที่มีเพดานสูงไม่ใช่เรื่องง่าย พร้อมย้ำว่าแม้จะเป็นการขับเคลื่อนของคนรุ่นใหม่ แต่การรวมกลุ่มหาจุดร่วมเป็นหนึ่งเดียว อาจทำให้ข้อเรียกร้องมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า

“พิภพ-ธิดา” แนะรัฐบาล หยิบฟืนออกจากกองไฟ ลดอำนาจ ส.ว.

“รุ้ง ปนัสยา” ปัด แตกคอเพื่อน คณะประชาชนปลดแอก

หลังนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ให้สัมภาษณ์พิเศษทีมข่าวพีพีทีวีเมื่อเดือนที่แล้ว ในฐานะที่เคยเป็นอดีตแกนนำนักศึกษาที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ปี 2535 ว่า เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง 3 ข้อของนักศึกษา คือ ต้องยุบสภา , หยุดคุกคามประชาชน และ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะมองว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบัน มีความไม่เป็นธรรม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการ สืบทอดอำนาจชัดเจน

ล่าสุดวันนี้นายจตุพรพูดคุยกับทีมข่าวพีพีทีวี กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษาว่า ตอนนี้มีความหลากหลายมากขึ้นและเริ่มมีเนื้อหาที่แตกต่าง แต่ยังคงรักษาความเป็นเอกเทศ เฉพาะกลุ่ม ไม่มีการนำแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  แต่การเดินเกมแบบนี้ของกลุ่มนักศึกษา นายจตุพร เชื่อว่าท้ายสุดอาจต้องมาตกลงให้ชัดเป็นมติร่วมกัน และใช้มาตรการอย่างเดียวกัน และกำหนดคนควบคุมอย่างชัดเจน จึงจะทำให้ข้อเรียกร้องโอกาสเป็นจริงมากขึ้น

นายจตุพรย้ำว่าต้องรอติดตามปรากฏการณ์หลัง 19 กันยายนนี้ ที่กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมนัดชุมนุมใหญ่ว่าจะยืดเยื้อได้กี่วัน แต่คาดว่าน่าจะไม่ยืดเยื้อ และมองว่าการต่อสู้ที่อาจจะมีลักษณะต่อเนื่องยาวนานต้องแบ่งงานกันทำ และมีข้อตกลงร่วมกันว่าอะไรคือ อุดมการณ์หลัก

นายจตุพร ยอมรับว่า แม้นักศึกษาไม่ต้องการให้ใครมาเป็นแกนนำอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น แต่ส่วนตัวมองว่าการชุมนุมต้องมีแกนนำหรือคณะที่นำชัดเจน ไม่เช่นนั้นการเรียกร้องจะไปคนทาง แล้วอาจจะจบเร็ว สู้ด้วยความยากลำบาก  แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ นักศึกษาอาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมากขึ้น แต่ส่วนตัวยอมรับว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษา ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าดูจะมีความหวังก็ตาม ซึ่งจำเป็นต้องมีข้อตกลงร่วมกัน

ส่วนประเด็นรอยร้าวระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทยในประเด็นจุดยืนต่อการแก้รัฐธรรมนูญ นายจตุพร มองว่า เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันใหม่ เพราะเดิมทีพรรคก้าวไกลประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ แล้วมีมติเห็นชอบให้แก้ไขมาตรา 256

ยกเว้นหมวดหนึ่งหมวด 2 และสมาชิกพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด รวมถึงพรรคก้าวไกล ได้ลงชื่อเห็นชอบ ซึ่งต่อมาพรรคก้าวไกลจะมาถอนในขณะที่กำลังจะยื่นให้ประธานสภาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แล้วมาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะงดเว้นแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 ซึ่งมติฝ่ายค้านร่วมเห็นชอบมาก่อนหน้านี้ รวมถึงพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล  และการที่พรรคก้าวไกลมาให้ข่าวว่าไม่ได้เห็นชอบ ในเรื่องที่จะไม่ให้แก้ไข หมวด 1และ 2 แบบนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทยตกอยู่ในสถานการณ์ของผู้เสียหาย  นายจตุพร ย้ำว่าในทางการเมืองการแสดงออกเช่นนี้ พรรคก้าวไกลจะได้คะแนนนิยมจากฝ่ายที่สนับสนุนและกลุ่มนักศึกษา ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยมองว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลต้องคุยกันใหม่ และต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษระหว่างกัน และหากพรรคก้าวไกลเห็นว่าการใช้แรงกดดันจากภายนอกโดยนักเรียนนิสิตนักศึกษา พรรคก้าวไกลจะต้องไปร่วมด้วย ไม่ใช่ไปกินแรงเด็ก

นายจตุพร มองว่า หากพรรคก้าวไกลเห็นว่าการสู้ในสภาอาจไม่ชนะ ก็ต้องไม่เห็นชอบกับมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งแต่แรก และต้องสนับสนุนนักศึกษาอย่างเปิดเผย ไม่ใช้ให้นักศึกษาต่อสู้โดยลำพัง เหมือนพรรคเพื่อไทยมาร่วมกับคนเสื้อแดง

ดังนั้นเมื่อเชื่อว่าพลังของคนหนุ่มสาวสามารถ จัดการได้ พรรคก้าวไกลจะรอหวังผลอย่างเดียวไม่ได้ และส่วนตัวมองว่าหากรัฐบาลไม่แก้มาตรา 256 ก็พร้อมจะออกมาร่วมชุมนุม

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ