ญาติ สาวดูดไขมันเสริมอกเสียชีวิตจี้คลินิกเยียวยา

สาวร้องคลินิกความงามย่านลาดพร้าวเสริมจมูกเน่า

“เมย์ จีระนันท์” เตรียมฟ้อง “รพ.เกาหลี-เอเจนซี่” ทำศัลยกรรมพลาดไม่รับผิดชอบ

นายพลชนะ จันทร์เกษม สามีผู้เสียชีวิต พร้อมญาติ นำเอกสารหลักฐานใบรับรองแพทย์ และเอกสารสอบสวนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางโพพาง ให้ดำเนินคดีกับคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านพระราม3 ในข้อหา “ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” หลังน.ส.เอ ภรรยา อายุ 29 ปี เข้ารับการดูดไขมันมาเสริมหน้าอก ก่อนติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตที่คลินิกดังกล่าว

สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่า ภรรยาตัดสินใจดูดไขมันและเสริมหน้าอกที่คลินิกแห่งนี้ได้ศึกษาข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊ก เธอสนใจโปรโมชั่น ดูไขมันแล้วนำมาเสริมหน้าอกราคาเต็ม 62,000 บาท ลดเหลือราคา 59,000 บาท โดยผ่อนจ่ายได้ 10 เดือน เฉลี่ยรายเดือนละ 5,900 บาท

วันที่ 10 ส.ค. 63 ตนไปส่ง น.ส.เอ ไปที่คลินิก เพื่อนัดวันดูดไขมัน-เสริมหน้าอก พร้อมจ่ายมัดจำ 3,000 บาท

วันที่ 22 ส.ค. 63 ตนเองไปส่งน.ส.เอ ตามนัด ในเวลา 7.00 น.  ทางคลินิกใช้เวลาทำประมาณ 8 ชั่วโมง จนถึง 15.00 น. ตนไปรับหลังจากดูดไขมันมาเสริมหน้าอก น.ส.เอ มีอาการเจ็บบาดแผลผิดปกติ จึงติดต่อกลับไปยังคลินิกแต่ทางคลินิกบอกว่าเป็นผลจากการทำศัลยกรรมตามปกติ

วันที่ 23 ส.ค. 63 น.ส.เอ ไปล้างแผลที่คลินิกแล้วสังเกตว่ามีน้ำไหลออกมาจากแผลผ่าตัด โดยคลินิกอ้างเป็นน้ำเกลือไม่ใช่น้ำเหลือง แล้วให้กลับบ้าน

วันที่ 24 ส.ค. 63 น.ส.เอ ช่วงเช้ามีอาการเจ็บเพิ่มมากขึ้น จึงโทรปรึษาทางคลินิก บอกให้กินยาแก้ปวด เวลา 19.00 น.ทนไม่ไหวจึงเดินทางไปคลินิก โดยได้ฉีดยาแก้ปวดให้ในน้ำเกลือ และให้นอนพัก แต่ไมพบแพทย์ เวลา 20.00 น.ทางคลินิกนำ น.ส.เอ ตัวส่งไปรพ.ใกล้ๆย่านเจริญกรุง และพบว่าติดเชื้อในกระแสเลือด 

วันที่ 25 ส.ค. 63 เวลา 04.00น. ญาติย้าย น.ส.เอ ไปโรงพยาบาลย่านบางรัก ที่มีสิทธิประกันสังคม เวลา 22.00น. อาการแย่ลง ญาติจึงต้องการย้ายไปรพ.อื่น เพราะมีเครื่องมือครบมากกว่า

จนวันที่ 26 ส.ค. 63  เวลา14:00น. ญาติหาข้อมูลรพ.อื่น  เพื่อติดต่อขอย้าย  แต่รพ.ยื้อเวลาไม่ยอมให้ออก  หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลแจ้งกลับว่าไม่สามารถรักษาได้แล้ว

วันที่ 27 ส.ค. 63 ญาติย้าย น.ส.เอ มารพ.แห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท  19.00 น. รพ.แจ้ง น.ส. เอ เสียชีวิต

หลังจากนั้นทางคลินิกติดต่อผ่านแชตข้อความว่า "ทางคลินิกขอแสดงความเสียใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมด"

แต่ไม่นานคลินิกกลับเปลี่ยนคำ บอกว่าจะช่วยค่าทำศพจำนวน 1 แสนบาท ทั้งที่ทั้งครอบครัวเสียค่ารักษาพยาบาลกว่า 4 แสนบาท

จนถึงขณะนี้คลินิกยังไม่ยอมรับว่าการตายของภรรยาครั้งนี้เกิดจากความผิดพลาดของทางคลินิกเอง ตนเองและญาติของภรรยาจึงเข้าแจ้งความเอา พร้อมร้องขอให้ออกมารับผิดชอบช่วยเหลือค่ารักษาทั้งหมด และเยียวยาครอบครัวภรรยาที่สูญเสียเสาหลักด้วย 

เบื้องต้นทางญาติ น.ส.เอ ผู้เสียชีวิต ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำหนังสือขอให้อายัดศพ เพื่อส่งชันสูตรสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ

ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตขณะนี้ยังตั้งอยู่ที่วัดจันทร์ ในซอยเจริญกรุง 107   ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว ซึ่งเมื่อวานนี้ทางตัวแทนของคลินิกได้นำพวงหรีดมาให้เท่านั้น แต่ทางคลินิกไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการเยียวยาครอบครัวและช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล 

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline