กลุ่มหนุนเหมืองทองอัคราเชื่อ มีกลุ่มค้านเพราะขายที่ไม่ได้

เปิดใจ กรรมการบริษัทอัคราฯ เชื่อ หากรัฐไม่ใช้ ม.44 สั่งปิดเหมืองไม่ได้

“ประยุทธ์” ลั่น สั่งปิดเหมืองทองอัครา ทำในฐานะนายกฯ

นางภริตา ซัทตัน วัย 50 ปี แม่ค้าขายอาหารตามสั่งในหมู่บ้านหนองขนาก ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่สนับสนุนเหมืองแร่ทองคำชาตรีของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เธอเปิดเผยว่า อยากให้รัฐบาลสามารถไกล่เกลี่ยกับ บ.คิงส์เกท และอนุญาตให้เปิดเหมืองอีกครั้ง เพราะการที่เหมืองปิดตัวลงทำให้ขาดลูกค้า จากที่เคยขายอาหารได้วันละ 10,000 บาท ทุกวันนี้เหลือเพียงวันละ 1,000 บาท เท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านอีกกลุ่มคัดค้านการทำเหมือง โดยให้เหตุผลว่ากระทบสิ่งแวดล้อมนั้น นางภริตา เชื่อว่า สาเหตุของอาการเจ็บป่วยไม่ได้มาจากเหมือง แต่อาจมาจากสารเคมีทางการเกษตรที่ชาวบ้านใช้ในชีวิตประจำวัน และอยู่ที่การดูแลสุขภาพของแต่ละคนมากกว่า โดยเธอมองว่ากลุ่มที่ออกมาคัดค้านเป็นกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์จากการที่บริษัททำเหมืองไม่ซื้อที่ดินของตัวเอง หรือไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ

ขณะที่ฝ่ายคัดค้านการทำเหมืองอัคราอย่างเช่น นายมานิจ ลำพะสอน วัย 68 ปี ชาวบ้านหมู่บ้านเขาดิน ต.เขาเจ็ดต้น อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร โต้แย้งในประเด็นนี้ว่า สาเหตุที่ตนเองออกมาคัดค้านการทำเหมืองไม่ใช่เพราะขายที่ดินไม่ได้ โดยตนเองมีที่ดินอยู่เพียง 1 ไร่เศษเท่านั้น และที่ดินดังกล่าวใช้เป็นอยู่อาศัย ไม่ได้อยากขายให้เหมืองหรือย้ายไปไหน ไม่ว่าเหมืองจะมาให้ราคาเท่าไหร่ก็ตาม

นายมานิจ ยืนยันว่า ที่ออกมาคัดค้านเพราะการทำเหมืองกระทบสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยตอนที่เหมืองเปิดทำการรู้สึกได้ชัดว่าหายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก อากาศที่หายใจก็เต็มไปด้วยฝุ่นที่มาจากการระเบิดเหมืองเมื่อมองท้องฟ้าจะเห็นฝุ่นสีแดงชัดเจน แต่พอเหมืองปิดตัวลงสภาพอากาศก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนกรณีที่รัฐบาลไทยกำลังต่อสู้คดีกับ บ.คิงส์เกท สัญชาติออสเตรเลีย ที่เป็นเจ้าของสัมปทานเหมือง นายมานิจ ระบุว่า ไม่อยากให้มีการไกล่เกลี่ยอนุญาตให้เปิดเหมือง เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมขึ้นมาอีกครั้ง โดยตนเองมีความหวังให้รัฐบาลไทยชนะคดี เพราะคำสั่งปิดเหมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการช่วยเหลือชาวบ้าน