จากกรณี ที่หัวหน้าช่างภาพสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ได้ยื่นใบลาออก พร้อมโพสต์ข้อความระบายความในใจกรณีเสนอข่าวการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวบ้านกกกอก ตำบลกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ 11 พ.ค. 2563 แต่ทางต้นสังกัดกลับให้นำเสนอข่าวเกาะติดชีวิตประจำวันของ นายไชย์พล วิภา หรือ "ลุงพล" จนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ นั้น
"ขายข่าว ไร้จรรยาบรรณ" ช่างภาพ สุดทนต้องทำข่าวน้องชมพู่ ปั้นเรื่อง"ลุงพล"
ล่าสุดวันนี้ 9 ก.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความว่า “ยุติบทบาทในฐานะผู้สื่อข่าว”“เพื่อนหลายคนเห็นโพสต์นี้คงตกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เราต้องบอกก่อนว่า เราทำงานกับทางช่อง ระยะเวลา 1 ปี 2 เดือน เรารู้สึกขอบคุณที่ช่องให้โอกาสเสมอมา ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่าน ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ดีกับเรา ที่สอนเราหลายๆอย่าง แต่เมื่อเราทำงานมาเรื่อยๆหลายๆอย่าง อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถฝืนความรู้สึกตัวเองและเดินต่อต่อไปได้ เราตัดสินใจไปคุยกับพี่ (รอง ผอ.ฝ่ายข่าว) และบอกว่า ”เราอยากพัก” ซึ่งพี่แกก็เคารพการตัดสินใจของเรา
เราใช้เวลาคิดและตัดสินใจ 1 เดือนเศษ ใช้ช่วงเวลาที่เราทำงานอยู่บ้านกกกอกเพื่อติดตามคดีน้องชมพู่ ขณะที่เราอยู่ที่นั่นนานวันเข้า เราตั้งคำถามกับตัวเองต่างๆนานา และ “คำตอบในหัวเรา มันทำให้เราไม่มีความสุข” กับการทำงาน (เราขอไม่ลงรายละเอียด)
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ เราไม่สามารถขัดแย้งอะไรได้ ซึ่งทุกครั้งเราต้องก้มหน้าก้มตาทำต่อไปเรื่อยๆ เราลำบากใจหลายอย่าง และที่ลำบากใจไปมากกว่านั้นคือการเข้าถึง “สิทธิส่วนบุคคล”เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลบางอย่าง ตัวเรามองว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ แม้บางคนเขาจะเต็มใจก็ตาม ถามว่าคนดูได้อะไรจากสิ่งเหล่านั้น ได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ นอกจากได้ดู “ความขัดแย้งกันของเครือญาติ”
อย่างที่เราบอกในโพสต์ก่อนหน้าว่า “เรารับรู้ถึงกระแสของเพื่อนๆกับการต่อว่าสื่อมวลชน” ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้อธิบายให้ใครฟังมากมายนัก แต่เราก็ไม่อยากให้เพื่อนเหมารวมสื่อมวลชน อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าสื่อมวลชนก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ทำงานภายใต้กรอบขององค์กร และการทำงานของแต่ละองค์กรย่อมต่างกัน ฉะนั้นวัฒนธรรมองค์กรนั้นล้วนแตกต่างกันออกไปเช่นกัน ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองในบริบทของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว
สุดท้ายนี้ ในนามของเราเอง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งและเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ เราขอโทษทุกคนต่อการนำเสนอข่าวที่เกิดขึ้น จนมันนำพาสังคมให้มาถึงจุดนี้ได้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราก็แค่ทรัพยาการบุคคลคนหนึ่ง ไม่สามารถท้วงติงหรือแก้ไขอะไรได้มาก เพราะเมื่อเราอยู่ในระบบ เราก็ต้องทำ ดังนั้นเราจึงขอถอยออกมา เพราะเราไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของระบบ..
เราขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาหาเรา และห่วงใยเรา
“จากกันด้วยดี ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านครับ”
“พ่อแม่น้องชมพู่” ร้องกมธ.ถูกสื่อคุกคาม แอบสัมภาษณ์สะดิ้ง