นายพรพล เอกอรรถพร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ นำสื่อมวลชน ลงพื้นที่ตามโครงการพัฒนาพื้นที่รอยต่อ บ้านทุ่งจี้ อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมงานศิลปาชีพ
ป.ป.ส.ติดตามผลพัฒนาสายพันธุ์กัญชงทางการแพทย์
พื้นที่บ้านทุ่งจี้นี้ แต่เดิมมีปัญหาเรื่องการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และยาเสพติด พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงได้มีพระราชดำริให้จัดตั้งโรงงานเครื่องปั้นดินเผาภายในโครงการพัฒนาพื้นที่รอยต่อบ้านทุ่งจี้ เมื่อปี 2540 ทำให้ปัจจุบัน บ้านทุ่งจี้เป็นแหล่งเรียนรู้กระบวนการทำเซรามิก ตั้งแต่ขึ้นต้นแบบ การทำแบบพิมพ์ การขึ้นรูป การหล่อแบบ และการเคลือบสี
นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่ชุมชนหัตถกรรมบ้านห้วยทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฏรในพื้นที่ภาคเหนือ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้มีการศึกษาและส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาได้ปลูกกัญชง เพื่อใช้ในครัวเรือนและจำหน่ายเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้
ปัจจุบัน กัญชง กําลังเป็นสินค้าที่นิยมของผู้บริโภคกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและคนรุ่นใหม่ เพราะใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เส้นใยกัญชงของไทย จัดว่าเป็นวัสดุชั้นดี ระดับพรีเมี่ยม เพราะปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี มีความเหนียวนุ่ม มีความทนทานสูงกว่าผ้าฝ้าย ให้ความอบอุ่นกว่าลินิน ดูดซับความชื้นได้ดีกว่าไนล่อน ป้องกันรังสียูวีได้ดี
ทางศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ จึงเตรียมยกระดับงานเซรามิก และหัตถกรรมใยกัญชง ให้มีรูปแบบตรงกับความต้องการของตลาด และเตรียมผลักดันเข้าสู่การซื้อขายในตลาดออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ และผู้บริโภคในปัจจุบันได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ประกาศค่าสารทีเอชซี “กัญชง” ฉบับใหม่ เปิดโอกาสสายพันธุ์มากขึ้น