ผู้เสียหาย แฉ เจ้าของอู่นำรถซ่อมไปชนเรียกเงินเคลมประกัน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ผู้เสียหายพร้อมทนายความเดินทางไปร้องเรียน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเอาผิดเจ้าของอู่รถยนต์ย่านรามอินทรา หลอกให้ทำประกันรถยนต์ก่อนนำรถไปเฉี่ยวชนกับคู่กรณีเพื่อเรียกเงินค่าสินไหมกว่า 120,000 บาท ทีมข่าวตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีผู้เสียหายอีก 2-3คน ที่ถูกหลอกในลักษณะคล้ายกัน โดยหนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยถึงคลิปเสียงสนทนาระหว่างเจ้าของอู่กับผู้เสียหาย โดยอู่ยอมรับว่าทำจริงโดยรู้เห็นกับพนักงานบริษัทประกัน

ผู้เสียหายนำคลิปเสียงมาเปิดเผย กับทีมข่าวพีพีทีวี อ้างว่าเป็นการสนทนาระหว่างเจ้าของอู่รถยนต์แห่งหนึ่งย่านรามอินทรา กับชายผู้เสียหาย โดยบทสนทนาในคลิปลักษณะเหมือนเป็นการต่อรองให้ยอมความโดยเสนอเงินให้อีกฝ่ายให้จบเรื่องรถยนต์ที่ถูกนำไปชนเพื่อเคลมประกัน นอกจากนั้นบางช่วงยังอ้างถึงการนำเงินส่วนแบ่งไปให้พนักงานบริษัทประกันด้วย

อดีตพนง.โชว์รูมรถหลอกลูกค้าให้โอนเงินค่าเคลมประกัน

โดยคลิปหลักฐานที่ หนึ่งในผู้เสียหาย นำมอบให้กับ น.ส.กัญณัฏฐ์ เเสงไกรชัยกิจ ผู้เสียหายที่ถูกหลอกในลักษณะคล้ายกัน มาให้ตรวจสอบและใช้ดำเนินคดีกับเจ้าของอู่

หญิงผู้เสียหาย พาทีมข่าวพีพีทีวีตรวจดูสภาพรถยนต์ ฮอนด้าเเจ๊ส สีแดง ที่ถูกเจ้าของอู่รถยนต์ดังกล่าวแอบนำรถไปขับบนท้องถนน แล้วเกิดเฉี่ยวชนกับคู่กรณี จากนั้นได้เคลมเรียกค่าสินไหมจากบริษัทประกัน  ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพรถพบว่า อุปกรณ์ภายในถูกถอดออกทั้งหมด ล้อแม็กซ์ได้รับความเสียหาย และระบบไฟของรถก็เกิดปัญหา

เธอเล่าว่า ปลายเดือนพ.ค. 2563 ได้เข้าไปติดต่อสอบถามราคาค่าทำสี เพราะต้องการเปลี่ยนสีรถยนต์ฮอนด้าเเจ๊สสีขาว-ดำ เปลี่ยนเป็นสีเเดง จึงตกลงราคาที่ 20,000 บาท จากนั้นเจ้าของอู่ได้เข้ามาพูดคุยโน้มน้าวให้ซื้อประกันภัยรถยนต์โดยอ้างว่าบริษัทประกันภัยสามารถเข้ามาเคลมค่าใช้จ่ายในการทำสีรถได้ และถ้าทำประกันทางอู่จะลดราคาให้พิเศษ 50% เหลือ 10,000บาท  ทำให้ตัวเองหลงเชื่อ และตัดสินใจซื้อประกันภัยจากบริษัทแห่งหนึ่ง

ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย.2563 นำรถเข้าไปทำสีที่อู่ พร้อมจ่ายเงินมัดจำ 5,000 บาท โดยเจ้าของอู่ให้นำสมุดบัญชีธนาคารเเละบัตรเอทีเอ็มฝากไว้ที่อู่รถด้วย เพื่อเป็นการเบิกจ่ายเคลมประกันเงินทำสี ซึ่งวันที่นำสมุดบัญชีธนาคารเเละบัตรเอทีเอ็มไปให้เจ้าของอู่ พบว่ารถยนต์ตนเองมีรอยขีดข่วน –ช่างบอกว่าเป็นรอยจากการย้ายรถเข้าออกอู่

วันที่ 21มิ.ย. 2563 ผู้เสียหายติดต่ออู่ไม่ได้ จึงตัดสินใจเข้าไปที่อู่อีกครั้ง พบว่าสภาพรถยนต์ ถูกถอดล้อ ด้านหน้ามีร่องรอยเหมือนถูกชน แต่ช่างอ้างว่าเป็นรอย ที่เกิดขึ้นระหว่างทำสีปกติ

วันที่ 8ส.ค. 2563 ทางอู่โทรมาบอกให้ผู้เสียหายไปรับรถ - พบว่าการทำสีไม่เต็มคันตามที่ตกลงไว้ เจ้าของอู่จึงลดราคาให้ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลือ 5,000 บาท

วันที่ 9 ส.ค. 2563 ผู้เสียหายตรวจเช็คสภาพรถอย่างละเอียด พบว่ารถยนต์มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งอะไหล่ชำรุด ,อุปกรณ์ภายในถูกถอดออก,พวงมาลัยสั่นคลอน ล้อเเม็กเสียหาย และ ระบบไฟทั้งหมดมีปัญหา จากนั้นอีก 2 วัน ตนจึงนำรถไปซ่อมที่อู่อีกครั้ง และก็ติดต่อไม่ได้

วันที่ 29 ส.ค. 2563 ผู้เสียหายตัดสินใจไปรับรถเอง พบว่าสภาพชำรุดหนักกว่าเดิมเหมือนถูกชน จึงสอบถามไปทางบริษัทประกันจนทราบข้อมูลว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งเคลมประกันเฉี่ยวชนเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนถึง 6 ครั้ง รวมค่าสินไหมกว่า 1 แสน 2 หมื่นบาท ผู้เสียหายตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา

ผู้เสียหาย บอกว่าหลังไปตรวจสอบข้อมูลรถคู่กรณี ที่เฉี่ยวชนรถตนเอง พบว่าเป็นรถของลูกค้าที่นำรถยนต์มาซ่อมที่อู่ดังกล่าวเช่นกัน เธอจึงตั้งข้อสังสัยว่า อู่นี้อาจเป็นขบวนการนำรถของลูกค้าที่มาซ่อมไปเฉี่ยวชนกันเอง เพื่อรับเงินค่าสินไหมจากบริษัทประกัน

เริ่มตั้งแต่เจ้าของอู่ จะแนะนำให้ทำประกัน อ้างว่า บริษัทประกันจะโอนค่าส่วนต่างเคลมสีรถมาให้ แลกกับการลดราคาค่าซ่อม – ทำสี พร้อมขอสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไว้

จากนั้นจะนำรถของลูกค้า 2คัน จัดฉากเฉี่ยวชนกันระบุว่า เป็นอุบัติเหตุ ก่อนเรียกพนักงานบริษัทประกันที่รู้เห็นกัน มาดำเนินการเคลมประกันให้  โดยบริษัทประกันจะโอนค่าสินไหม ให้เลขบัญชีของผู้เสียหายที่ฝากไว้กับเจ้าของอู่ ก่อนกดเงินจากเอทีเอ็มออกไป

ด้านผู้เสียหายอีกคน และเป็นคู่กรณีของผู้เสียหายคนแรก เล่าว่า เธอนำรถไปทำสีที่อู่และเจอลักษณะเดียวกัน โดยเจ้าของอู่ยื่นข้อเสนอว่าให้ทำประกันรถยนต์ พร้อมทั้งให้เปิดบัญชีใหม่ให้เพื่อเรียกค่าเคลมสีรถจากประกัน และแจ้งว่าเธอจะได้จ่ายส่วนต่างเพียง 6,000 บาท ซึ่งระหว่างที่ทำสีรถอู่ได้ประวิงเวลาไปเรื่อยๆ จนแล้วเสร็จเกือบ 2 เดือน จากนั้นเธอได้โทรไปสอบถาม บริษัทประกันพบว่า มีการเคลมประกันอุบัติเหตุถึง 3 ครั้งโดยที่เธอไม่รู้มาก่อน และไปตรวจสอบบัญชีพบว่าช่วงเวลาเกือบ 8 เดือน มีบริษัทประกันโอนเงินเข้าบัญชีถึง 8 ครั้ง กว่า 90,000บาท เป็นลักษณะการโอนเงินเข้าและกดเงินออกทันที

ทีมข่าวเดินทางไปตรวจสอบ อู่ดังกล่าวย่านรามอินทรา  พบกับเจ้าของอู่คู่กรณี แต่ไม่ขอให้ข้อมูล และบันทึกภาพ อ้างว่าอาจทำให้อู่เสื่อมเสียชื่อเสียง ระบุเพียงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกค้าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน หากรถมีปัญหาทางอู่ก็ยินดีซ่อมให้ ก่อนหน้านี้ได้โทรไปหาลูกค้าคนดังกล่าว ว่าต้องการให้ช่วยเรื่องรถหรือไม่ แต่ตอบกลับมาว่าไม่มีอะไรต้องซ่อม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรึกษาทนาย และขอให้ข้อมูลผ่านทนายเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นขบวนการนำรถออกไปชนเพื่อเรียกเงินประกันอย่างที่โดนกล่าวหา

ประกันจ่ายแค่ 6 แสน กรณีรถ 6 ล้อ พุ่งชนยับ (คลิป)

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ