ภูเก็ต โชว์เมืองต้นแบบ ลดอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่า 50 %


โดย PPTV Online

เผยแพร่




สอจร. ชู ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวต้นแบบ หลังประสบความสำเร็จลด ตาย จากอุบัติเหตุทางถนนลงกว่าครึ่งในรอบทศวรรษ พร้อมแนะรัฐพิจารณา 4 ประเด็นความปลอดภัยทางถนน รองรับนโยบายเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวลองสเตย์”

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2563 นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด (สอจร.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดภูเก็ต จัดอยู่ในอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศไทยมาโดยตลอด แต่ละวันมีผู้สัญจรบนถนนทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ได้รับบาดเจ็บราว 35 คน เสียชีวิตปีละกว่า 300 ราย ในปี 2551 ภูเก็ตจึงได้เริ่มจัดทำยุทธศาสตร์ด้านการจัดการอันตรายบนถนน ที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานภายในจังหวัด และภายนอกระดับประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ SAFER ROAD FOUNDATION, WORLD HEALTH ORGANIZATION และ BLOOMBERG PHILANTHROPHIES ประกอบกับจังหวัดมียุทธศาสตร์อย่างจริงจังเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน ด้วยการนำข้อมูลและพัฒนาระบบข้อมูล MIS Ranking มาใช้วิเคราะห์สถานการณ์ สร้างภาคีเครือข่ายในจังหวัด มีการทำมาตรการองค์กร มีการสื่อสารสู่สาธารณะ และปลูกฝังวินัยจราจรในกลุ่มเด็กเล็กจนถึงเยาวชน เป็นการเปลี่ยนจาก “ความเสี่ยง” เป็น “นโยบาย” สู่การ “ลงมือทำ” มีการตรวจจับดื่มแล้วขับ กำหนดให้มีการสวมหมวกนิรภัย 100% จัดการแก้ไขจุดเสี่ยง นำเทคโนโลยีมาใช้ พัฒนาระบบสัญญาณและสัญลักษณ์จราจรทั่วจังหวัด ทำให้ปัจจุบันสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงถึง 50% อยู่ที่ประมาณ 150 รายต่อปี

“นิพนธ์” จี้ ท้องถิ่นคุมเข้มอุบัติเหตุบนถนน ตั้งเป้าปีนี้ลดตาย 2 พันราย

นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้จังหวัดภูเก็ตเป็นที่จับตามองทุกด้าน เนื่องจากมีการบริหารจัดการที่ดี โดยเฉพาะการวิเคราะห์จุดเสี่ยงที่มีการเสียชีวิต และลงมือแก้ไขปัญหาวิศวกรรมจราจร ด้วยความร่วมมือของทางหลวงจังหวัด ทางหลวงชนบท ท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัด จนถึงตอนนี้ได้การดำเนินการแก้ไขจุดเสี่ยงมากว่า 200 จุดทั่ว พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขด้านวิศวกรรมจราจร เช่น การปิดจุดกลับรถ การทำเนินชะลอความเร็ว (Speed Hump) ลูกระนาด (Rumble Strip) พร้อมป้ายเตือนความเร็ว ป้ายสะท้อนแสงเข้าโค้ง (Shevron) การติดตั้งไฟจราจรในทางแยกที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย การติดตั้งไฟเตือนและแสงสว่าง และการทำวงเวียน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมอีก 3 ด้าน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ได้แก่ 1. ภาคีเครือข่ายและแกนนำจังหวัดที่เข้มแข็ง มีหน่วยงานร่วมกันทางานกว่า 20 องค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ มูลนิธิ และสื่อมวลชน ร่วมเกาะติดต่อเนื่องยาวนาน 2. ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนวิเคราะห์ปัจจัยความเสี่ยงของ คน รถ ถนนเพื่อตอบคำถาม How can we prevent it? โดยเริ่มจากการแก้ไขจุดเสี่ยง และ 3. ภาคนโยบาย โดยผู้ว่าราชการและหัวหน้าส่วนระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น ร่วมสนับสนนุการทำงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

นายสมหวัง โลหะณุช ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต กล่าวเสริมว่า บริเวณวงเวียนสุรินทร์นริศร เป็นหนึ่งในจุดเสี่ยงของจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางหน่วยงานสำคัญของจังหวัด ทั้งศาลากลางจังหวัด สำนักงานเทศบาลนครภูเก็ต และโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต เป็นต้น จึงมีปริมาณรถสัญจรไปมาหนาแน่น ไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน ในช่วงเร่งด่วนเช้าและเย็น ทำให้บริเวณนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพราะส่วนใหญ่ขับขี่มาด้วยความเร็วสูง เมื่อปี 2552 แขวงทางหลวงภูเก็ต จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายป้องกันอุบัติเหตุ และได้รับสนับสนุนจากมูลนิธิเซฟเฟอร์โรดส์ร่วมกันแก้ไขปรับปรุง โดยเปลี่ยนจากสี่แยกไฟแดงมาเป็นวงเวียน พร้อมติดป้ายเตือน ขีดสีตีเส้นบนพื้นถนนอย่างชัดเจน รวมถึงติดตั้งกล้องบันทึกภาพ เพราะต้องการปรับพฤติกรรมขับขี่ให้คนชะลอความเร็ว ทำให้อุบัติเหตุบริเวณนี้ลดลงอย่างชัดเจน จากเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง เหลือเพียงไม่ถึง 3 ครั้ง ขณะที่ยอดตายกลายเป็นศูนย์ ปัจจุบันในเขตเมืองภูเก็ตมีวงเวียนทั้งหมด 7 แห่ง แม้ก่อนหน้านี้จะมีการต่อต้านและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก แต่เมื่อมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน และผลลัพธ์ในภาพรวมสามารถช่วยลดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกคนจึงเห็นถึงประโยชน์ อีกทั้งยังทำให้ค่าเฉลี่ยการใช้ความเร็วลดลงด้วย

 

ขณะที่ นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวถึงการบริหารจัดการถนนปลอดภัยบริเวณย่านเมืองเก่า ระบุว่า สถานที่ท่องเที่ยวรัศมี 1.7 กิโลเมตร ย่านเมืองเก่าเขตเทศบาลนครภูเก็ต ปัจจุบันพื้นถนนจะแคบกว่าเดิม จากการทำพื้นที่ฟุตบาท 1.5 เมตร ตามแบบอารยสถาปัตย์ รวม 2 ฝั่งเป็น 3 เมตร ขณะที่พื้นถนนเฉลี่ยอยู่ที่ 6-10 เมตร เพราะการท่องเที่ยวในเมืองเก่าต้องเดิน เพิ่มการซึมซับเสน่ห์และวัฒนธรรม และกระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว ประกอบกับจำนวนผู้สูงอายุในพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 12% ดังนั้น ในด้านความปลอดภัยจึงเน้นให้ความสำคัญตามหลักวิศวกรรมจราจร ในการแก้ไขจุดเสี่ยง ควบคู่กันไปกับการติดตั้งป้ายแจ้งเตือน และการตรวจจับผู้ฝ่าฝืน ประกอบกับเมื่อพื้นถนนแคบลงผู้ขับขี่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดใช้ความเร็ว และยังมีการห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้ามาวิ่งในตัวเมืองเก่าด้วย ทำให้สถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 16 รายในปี 2561 ลดลงเป็น 8 รายในปี 2562 และ 3 รายในช่วงที่ผ่านมาของปี 2563

 

ด้าน พล.ต.ท.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ภูเก็ตถือเป็นจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยการจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎจราจรสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ และการตรวจจับผู้ขับขี่ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ทำให้ทุกวันนี้อัตราสวมหมวกหมวกนิรภัยขยับเพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจาก กทม. โดยปัจจุบันทั่วเมืองภูเก็ตมีกล้องตรวจจับการฝ่าไฟแดง กระจายอยู่ 10 จุด เพื่อลดอุบัติเหตุจากการฝ่าไฟจราจร นอกจากนี้ ยังได้ทำการเก็บข้อมูลจุดเสี่ยงต่างๆ นำมาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา ดำเนินการควบคู่กันส่วนหนึ่งต้องแก้ทางวิศวกรรมจราจร และอีกส่วนต้องแก้ที่พฤติกรรมการขับขี่ โดยเฉพาะกวดขันการใช้ความเร็ว และตรวจจับการเมาแล้วขับ

 

ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่จังหวัดภูเก็ตได้รับเลือกเป็นพื้นที่ศึกษา และเตรียมความพร้อมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเดินทางสัญจรอีกครั้ง แผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน เสนอว่าการเตรียมเปิดพื้นที่ของจังหวัด นอกจากในด้านป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ควรมีการสื่อสารถึงการบริหารจัดการความปลอดภัยทั้งระบบ ให้กับประชาชนในประเทศและนักท่องเที่ยวด้วย โดยสามารถดำเนินการควบคู่ไปกับ ข้อเสนอแนะเพื่อให้ทศวรรษแห่งความปลอดภัยของไทยประสบความสำเร็จ ได้แก่ 1. ยกระดับความสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุเป็นวาระแห่งชาติ ที่กำหนดเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุอย่างชัดเจนและสร้างกลไกการรับผิดชอบของรัฐบาลต่อปัญหาอุบัติเหตุ 2. ปรับปรุงกระบวนการจัดการความปลอดภัยทางถนนระดับชาติโดยมียุทธศาสตร์ เป้าหมายแผนงาน ตัวชี้วัด และกลไกการกำกับติดตามอย่างจริงจัง 3. ตั้งกลไกโครงสร้างเชิงสถาบันที่ทำหน้าที่ประสาน และบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนนโยบาย และ 4. สนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรอย่างเป็นรูปธรรม

พ่อเฒ่าวัย 75 ปี ขับจยย.หนีหมาไล่กัด เสียหลักชนรถพ่วงเสียชีวิตแล้ว

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ