จีนกับอเมริกาในยุค โควิด-19 โลกจะเข้าสู่สงครามเย็นอีกครั้ง?


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ปี 2020 ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนตึงเครียดในหลายประเด็น สงครามการค้า ฮ่องกง ค่ายกักกันซินเจียง แต่การระบาดของ โควิด-19 คือจุดแตกหัก ที่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดหน้าโจมตีจีนตรงๆ ไม่สงวนท่าทีหรือประนีประนอม จนหลายฝ่ายมองว่า ศึกนี้เป็นเหมือนสงครามเย็นกลายๆ

ทรัมป์เตือน “ความสัมพันธ์กับจีนเสียหายรุนแรง” ตำหนิจีนไม่หยุดการระบาดของโควิด-19

ผู้นำจีน-สหรัฐฯ ยกหูหารือ หวังฟื้นสัมพันธ์รับมือโควิด-19

ในการประชุมประจำปีขององค์การสหประชาชาติ เป็นอีกครั้งที่ทรัมป์บอกให้จีนต้องรับผิดชอบกับการระบาดที่เกิดขึ้น ด้านจีนใช้จังหวะนี้สวมบทบาทมหาอำนาจใจดีในยามวิกฤต

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวบทสุนทรพจน์ในการประชุมสมัชชาใหญ่ประจำปีขององค์การสหประชาชาติ

ปีนี้ผู้นำทั่วโลกต่างกล่าวสุนทรพจน์ผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางมายังมหานครนิวยอร์ก ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ยูเอ็นได้

ทรัมป์พุ่งเป้าโจมตีไปที่จีน ว่าต้องรับผิดชอบต่อการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ลุกลามไปทั่วโลก และกล่าวหาองค์การอนามัยโลกว่าถูกครอบจำโดยจีน

เมื่อวานนี้องค์การอนามัยโลกเปิดเผยโครงการความร่วมมือแจกจ่ายวัคซีนอย่างเท่าเทียมที่เรียกว่า โคแวกซ์ มี 156 ประเทศเข้าร่วม แต่ไม่มีชื่อของสหรัฐฯ ในฐานะประเทศหนึ่งที่มีความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน แต่ที่งานประชุมยูเอ็น ทรัมป์ประกาศว่า ยังไงสหรัฐฯ ก็จะแจกจ่ายวัคซีนเพื่อช่วยเหลือประเทศอื่น

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ตอบโต้ทรัมป์ว่า จีนไม่คิดทำสงครามเย็นกับใคร

สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีของจีน กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมยูเอ็นว่า จีนไม่คิดทำสงครามกับประเทศใด และมีจุดยืนสนับสนุนสันติภาพของโลก และยังเตือนให้โลกระวังถึงความล่มสลายของอารยธรรม

นับเป็นการพยายามแสดงภาวะผู้นำของจีนบนเวทีโลก ในเวลาที่นโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ มีแนวทางชาตินิยม มากกว่าจะเล่นบทช่วยเหลือประเทศอื่นเหมือนในอดีต

ในขณะที่ทรัมป์ไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับความร่วมมือของประชาคมโลกเท่าไหร่นัก กลายเป็นสี จิ้นผิงแทนที่บอกว่า ในวิกฤตแบบนี้ โลกต้องการความร่วมมือมากกว่าการเผชิญหน้า

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่มีโควิดเป็นจุดแตกหัก อาจส่งผลให้ขั้วอำนาจโลกเปลี่ยน และจีนจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากบทบาทใหม่นี้

ตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2017 เขาฉีกกฎเกณฑ์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ หลายอย่าง

เขาประกาศถอนตัวออกจากความตกลงปารีส ความตกลงว่าด้วยการพยายามลดภาวะโลกร้อน ถอนตัวออกจากความตกลงทางการค้าระหว่างประเทศภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPP จนถึงหยุดให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลกในเวลาที่โลกต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ มากที่สุด เป็นการเปิดโอกาสให้จีนเข้ามาสวมบทบาทผู้นำของสหรัฐฯ

จีนบริจาคเงินให้องค์การอนามัยโลกเพิ่มจำนวน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังประเทศที่ขาดแคลน ในที่นี้รวมถึงยุโรป

การมีอำนาจมากขึ้นของจีน อาจส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้นกว่าเดิม และนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างสองขั้วมหาอำนาจ เหมือนตอนยุคสงครามเย็น

ที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญ หากอเมริกาได้ไบเดนเป็นประธานาธิบดี ทิศทางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลง

แต่อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็นก็ออกมาเตือนแล้วว่า ให้โลกระวังยุคใหม่ของสงครามเย็น

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ